ปัจจุบันสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ ซึ่งมีอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยเฉพาะอาชีพราชการครู ที่บางรายมีเงินเดือนเพียงน้อยนิด มีรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ต้องกู้เงินมาหล่อเลี้ยงชีวิต จนเป็นหนี้มากมาย ขณะที่บางราย มีความคิดอยากจะหาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ แต่ยังขาดแคลนเงินทุน เพื่อประกอบกิจการ ซึ่งชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จํากัด (ชสอ.) ในฐานะองค์การกลางของสหกรณ์ออมทรัพย์ ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ร่วมมือกับสหกรณ์สมาชิกของ ชสอ. จัด “โครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ ผู้ประสงค์มีรายได้เพิ่มจากอาชีพเสริม” ขึ้น ตาม “โครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาคุณภาพสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์” นายต่อศักดิ์ ยุทธรัตน์ กรรมการ ชสอ. ในฐานะประธานกรรมการสื่อสารองค์กร กล่าวว่า งานสื่อสารองค์กรเป็นงานที่ต้องออกเยี่ยมเยียนสหกรณ์สมาชิก ทำให้ได้รับรู้ถึง ปัญหาของสมาชิกสหกรณ์ โดยปัญหาหลักเลย คือ เงินเดือน หรือรายได้ที่ได้รับไม่เพียงพอต่อรายจ่ายประกอบกับหนี้สินเดิมที่มี จึงเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการฯ โดยมีวงเงิน ให้แก่สหกรณ์สมาชิก แห่งละ 10 ล้านบาท เพื่อให้สหกรณ์ไปปล่อยกู้ให้กับสมาชิก โดยยึดอัตราดอกเบี้ยที่ ชสอ.เป็นผู้กำหนดร้อยละไม่เกิน 3.59 ระยะเวลาส่งคืน 36 งวดแต่ 5 งวดแรก ยกเว้นการส่งคืนเงินต้นให้ส่งคืนแต่ดอกเบี้ยเนื่องจากให้สมาชิกได้มีเวลาในการรอผลผลิตหรือเวลาที่อาชีพเสริมเหล่านั้นจะอยู่ตัว โดยให้สหกรณ์สมาชิกประกาศหาสมาชิกท่านที่มีความประสงค์จะกู้ยืมเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ โดยมีข้อแม้ว่า จะต้องกู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพเสริมเท่านั้น ให้สหกรณ์สมาชิกตรวจติดตามโครงการของสมาชิกเป็นระยะ โดยโครงการ ชสอ. ร่วมกับสหกรณ์สมาชิกพัฒนาคุณภาพชีวิตสมาชิกสหกรณ์นี้ เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 จนกระทั่งปัจจุบันมีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 100 แห่ง ที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการดำเนินการที่จะเข้าร่วมโครงการ นายต่อศักดิ์ ยุทธรัตน์ จากที่ ชสอ.ได้มีเจ้าหน้าที่คอยติดตามและประเมินผลนั้น สหกรณ์ออมทรัพย์ครูแม่ฮ่องสอน จำกัด ถือได้ว่าเป็นสหกรณ์ต้นแบบของเขตพื้นที่ภาคเหนือเนื่องจากสมาชิกของสหกรณ์ฯที่เข้าร่วมโครงการประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพเสริม มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามวัตถุประสงค์แรกเริ่มของโครงการ นับว่าระยะเวลาเพียงหนึ่งปีเศษที่เริ่มดำเนินโครงการ เริ่มมีสมาชิกของสหกรณ์ฯที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาอาชีพเสริมไม่เพียงแต่การกู้เงินมาเพื่อพัฒนาอาชีพเท่านั้น แต่ยังมีวินัยในการดำเนินการผ่อนชำระคืนโครงการอีกด้วย นายพีระวุฒิ วงค์จันทร์ ขณะที่ นายพีระวุฒิ วงค์จันทร์ อดีตผอ.โรงเรียนบ้านห้วยเสือเฒ่า อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เป็น 1 สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูแม่ฮ่องสอน จำกัด ที่ได้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ เพื่อกู้เงินนำไปเป็นทุนประกอบอาชีพเสริมค้าขายอาหารตามสั่งในครอบครัว กล่าวว่า ได้ทราบถึงโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกผ่านการทำอาชีพเสริม เดิมทางครอบครัวก็ค้าขายอยู่แล้วและคิดจะเพิ่มเติมในส่วนของการขายอาหารตามสั่ง จึงได้เข้าไปปรึกษากับนายสงวน ศรีสวัสดิ์ ผู้จัดการสหกรณ์ฯ จากนั้นได้กู้ยืมเงินทุนจำนวนหนึ่งเพื่อเอามาขยายร้านทำพื้นที่ที่จะขายอาหารตามสั่ง ชื่อร้าน "เจ๊ต่ายอาหารตามสั่ง" อีกส่วนหนึ่งเป็นเงินลงทุนอุปกรณ์ในการขายอาหารตามสั่ง และเก็บไว้เป็นเงินทุนหมุนเวียน หลังหักเงินที่ต้องส่งคืนสหกรณ์และค่าใช้จ่ายต่างๆ ยังมีเงินเหลือที่จะเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างสบาย ถือว่าประสบความสำเร็จไปอีกขั้นของชีวิตหลังเกษียณ หากในอนาคตมีเงินทุนก็จะทำการขยายร้านขึ้นอีกเพื่อที่จะได้รองรับลูกค้าทั้งขาจรและขาประจำ ส่วนเมนูยอดฮิตของร้านจะเป็นผัดเผ็ดหมูป่า ซึ่งมีราคาเพียงจานละ 50 บาทเท่านั้น รายการอาหารอื่นๆ ก็เช่นกัน มีราคาเริ่มต้นที่ 50 บาททุกจาน โดยช่วงปกติก็จะมีลูกค้าตลอดทั้งวัน แต่ถ้าช่วงเทศกาลก็จะมีลูกค้าจำนวนมาก เนื่องจากร้านอาหารตามสั่งเจ๊ต่าย อยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวกะเหรี่ยงคอยาว บ้านห้วยเสือเฒ่า ขับรถเลยเพียงไม่กี่ 100 เมตรจากแหล่งท่องเที่ยวก็จะได้ลิ้มลองอาหารตามสั่งราคาย่อมเยาแต่รสชาติอร่อยหาทานยากกันแล้ว “อย่างไรก็ดี อยากฝากถึงเพื่อนเพื่อนสมาชิกท่านอื่นๆ ที่ใกล้เกษียณ หรือยังทำหน้าที่ครูอยู่ก็ตาม หากคิดอยากจะหาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เข้าไปพูดคุยหรือปรึกษาสหกรณ์ที่ท่านเป็นสมาชิกอยู่ สหกรณ์มีแนวทางที่จะแนะนำและช่วยหาช่องทางช่วยเหลือสมาชิก วันนี้ถ้าไม่มีสหกรณ์ออมทรัพย์ครูแม่ฮ่องสอน จำกัด ก็ไม่มีร้านเจ๊ต่าย อย่างแน่นอน”นายพีระวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย