เมื่อเวลา 14.35 น.วันที่ 10 ก.ย. 68 ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พร้อมนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางเข้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมกับหารือกับนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
จากนั้นเวลา 15.20 น. นายอนุทินให้สัมภาษณ์พร้อมกับนางศุภจีและนายเอกนิติ โดยนายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเฉพาะคนที่มาจากนอกวงการเมือง คนที่เป็นมืออาชีพเรียบร้อยแล้ว ได้มีการทำความเข้าใจกัน หารือเรื่องนโยบายที่จะต้องดำเนินการในระยะเวลาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศและประชาชน ขอยืนยันว่าในรัฐบาลนี้จะมีมืออาชีพอีกท่านหนึ่งเข้ามาช่วยงานในด้านพาณิชย์ การค้าขาย การสร้างรายได้ให้กับประเทศ ซึ่งนางศุภจี จะมาปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การกำกับดูแลนายเอกนิติ โดยนางเอกนิติจะควบในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
เมื่อถามว่า ทาบทามนางศุภจีมาร่วมงานได้อย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ตนใช้ความคาดหวังและผลประโยชน์ของประชาชนของประเทศชาติเป็นจีบท่าน และขอให้เห็นแก่เรื่องพวกนี้ และท่านประสบความสำเร็จมามากมายแล้ว มีประสบการณ์ มีความสามารถในการบริหารจัดการ กิจการและองค์กรระดับใหญ่มาแล้ว จึงขอให้ท่านช่วยเหลือบ้านเมืองด้วยกัน
เมื่อถามต่อว่า นางศุภจี เป็นนักธุรกิจในเวลา 4 เดือนจะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน นายอนุทิน ระบุว่า นางศุภจี ไม่ใช่นักธุรกิจแต่เป็นนักบริหารมืออาชีพ และเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่มีรายได้มากพอสมควร เพราะฉะนั้นขอให้เชื่อมั่นว่านางศุภจีมีความเสียสละอย่างมากที่จะทิ้งเงินเดือน และรายได้จากการเป็นกรรมการหลายบริษัทในหลายที่ แต่ก็ยอมมาทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ก็ขอให้ให้โอกาส และขอให้เชื่อมั่นว่า พวกเราจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมย้ำว่าไม่ต้องห่วง รัฐบาลของตนนั้นมีอำนาจเต็ม อยู่ที่ผู้ปฏิบัติงาน ส่วนตนมีแต่นโยบายการตั้งเป้า แต่ถ้าหากถามว่ามีธงหรือไม่ ก็ต้องตอบว่ามีธงก็คือประเทศไทยเดินก้าวหน้าไปด้วยความมั่นคงและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุด ทำให้ประชาชนกลับมามีโอกาสให้ได้มากที่สุด มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นธงที่ตนได้ตั้งเอาไว้
เมื่อถามย้ำว่า จะให้ความมั่นใจกับบุคคลเหล่านี้ได้อย่างไรว่า เข้ามาวงการการเมืองแล้วจะไม่เจ็บตัว นายอนุทิน กล่าวว่า บุคคลเหล่านี้ถือว่าเป็นผู้มีประวัติดีงาม ไม่มีประวัติด่างพร้อย และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และมีความเสียสละทุ่มเท เพราะฉะนั้นตนคิดว่าด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ท่านก็จะไม่ยอม ทำอะไรที่ไม่ดีไม่งาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับประเทศ สำหรับตนคำว่าบริหารราชการแผ่นดิน ใครที่ได้มาทำหน้าที่นี้ นอกจากจะเป็นเกียรติยศแล้ว ก็ต้องถือว่าเป็นหน้าที่ที่ประชาชนทั้งประเทศเป็นผู้ที่รับประโยชน์ หรือแม้กระทั่งความเดือดร้อน ถ้าหากเราทำผิด เราจึงต้องมั่นใจว่าต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุดและต้องทำงานเป็นทีม ซึ่งความเป็นพรรคพวกกันมาก่อน และการรู้จักกันอย่างดีจะทำให้เกิดการร่วมมือกันเป็นอย่างดี ไม่มีการขัดแข้งขัดขา และไม่ต้องกังวลว่าพรรคจะได้คะแนนมากกว่า ซึ่งตนได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนกัน และวันนี้มีแต่พรรคประเทศไทย เราจะสนับสนุนการทำงานของ ครม.ทุกคน ทุกพรรค ตราบใดที่สิ่งที่นำเสนอนั้นมีประโยชน์ต่อส่วนรวม
จากนั้นนายอนุทินได้เชิญ นายเอกนิติ และนางศุภจี ไปร่วมวงรับประทานเค้กส้ม ที่ร้านจาริสต้าร์ ภายในพรรคภูมิใจไทย