ในโลกนี้ ไม่เคยมี ผู้นำจิตวิญญาณ ต้องคดีทุจริตประพฤติมิชอบ
ยกหลักศาสนาพุทธ กรรมดี-กรรมชั่วนำมาหักล้างกันไม่ได้ ชี้โลกยังไม่เคยมีผู้นำจิตวิญญาณต้องคดีทุจริตประพฤติมิชอบ หวังให้คำวินิฉัยศาลฎีกาฯ เป็นบทเรียนผู้นำวันนี้และในอนาคต แนะทักษิณติดคุกต้องรีบลืมอดีต ปล่อยวางความแค้น เชื่อคิดต่อสู้ยิ่งทำให้ชีวิตและจิตใจทุรนทุราย หวั่น ปปช.ป้อนคดีตัวการทำผิด พร้อมขยายผลเล่นงาน ขรก.ช่วยเหลือนับ 10-20 คน
เมื่อ 9 ก.ย. 2568 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยเชื่อว่า คำวินิจฉัยของศาลฎีกาคดีอาญานักการเมืองให้ทักษิณ ชินวัตร กลับไปติดคุก 1 ปีคือความยุติธรรมให้เกิดความเท่าเทียมในสังคม และเป็นบทเรียนของผู้นำทุจริตประพฤติมิชอบ
อีกทั้งกล่าวว่า ภาพทักษิณ ใส่ชุดนักโทษสีฟ้า ซึ่งปกตินักโทษใส่เมื่อนำตัวไปโรงพยาบาล และย้ายเรือนจำ ซึ่งตนเพิ่งรู้ว่า นักโทษคดีเด็ดขาดถึงที่สุดต้องติดคุกเรือนจำคลองเปรมไม่ใช่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นความรู้ใหม่กับระเบียบกรมราชทัณฑ์
อย่างไรก็ตาม โดยประสบการณ์ติดคุกมา 5 ครั้งของตัวเองแล้ว ปกตินักโทษคุมขังที่เรือนจำพิเศษต้องเป็นโทษไม่เกิน 15 ปี ส่วนนำไปคุมขังที่เรือนจำคลองเปรมต้องมีโทษตั้งแต่ 15 ปีจนถึงประหารชีวิต ส่วนทักษิณ มีโทษเพียง 1 ปีเท่านั้น
สิ่งสำคัญการวินิจฉัยสั่งบังคับโทษทักษิณ ติดคุก 1 ปีนั้น สะท้อนว่า ทักษิณ ยังไม่ได้ติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว รวมทั้ง ปปช. กล่าวหาเจ้าหน้าที่ทั้ง รพ.ตำรวจและราชทัณฑ์รวม 12 คน ดังนั้น คำวินิจฉัยของศาลวันนี้อาจต้องมีผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มอีก 10-20 คนที่เกี่ยวข้องในการช่วยทักษิณ ไปอยู่ รพ.ตำรวจ และอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร จะถูกกล่าวหาด้วยหรือไม่ ในฐานะคนไปเยี่ยมและยืนยันอาการเจ็บป่วยจริง
นายจตุพร เชื่อว่า โดยหลักการยื่นฎีกาขออภัยโทษของทักษิณ ซึ่งต้องเป็นนักโทษเด็ดขาด คดีถึงที่สุดแล้วและถูกคุมขังจริง เมื่อศาลฎีกาฯ มีคำสั่งจำคุก 1 ปี แสดงว่าที่ผ่านมาทักษิณ ยังไม่เคยติดคุกสักวัน ดังนั้น การยื่นฎีกาฯ จึงทำไม่ได้ เพราะยังไม่ถูกคุมขังคุกสมบูรณ์
"ผมไม่ปรารถนาให้ใครต้องติดคุก แต่เมื่อบ้านเมืองเดินด้วยหลักกฎหมายเพื่อความสงบสุขแล้วทั้งหมดจึงเป็นชะตากรรม และคำวินิฉัยของศาลฎีกาฯ ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์"
ส่วนจะให้บ้านเป็นที่คุมขังแทนเรือนจำได้หรือไม่นั้น ปัญหาคือคำวินิจฉัยของศาลชี้ให้เห็นว่า เสมือนทักษิณ เป็นตัวการกระทำผิดย่อมจะมีคดีเพิ่มเข้ามาอีก เพราะ ปปช.จะทำอย่างอื่นไม่ได้ จึงเป็นปัญหายากที่ใครจะกล้าทำให้ไปคุมขังที่บ้าน
อย่างไรก็ตาม ในการต่อสู้ที่ผ่านมายาวนานเป็นเรื่องสองมาตรฐานหรือต่อต้านอภิสิทธิ์ชน ดังนั้น กรณีทักษิณชั้น 14 รพ.ตำรวจ หรือนำตัวไปคุมขังที่บ้านจึงไม่ควรเกิดขึ้น เพราะการต่อสู้เพื่อทักษิณ มีคนตาย บาดเจ็บ และติดคุกมากมาย แม้มีการอธิบายถึงผลงานในอดีตที่ทำไว้กับประเทศ แต่สังคมพุทธต้องแยกกรรมดีกับกรรมชั่วกันชัดเจน และจะนำมาหักลบกันไม่ได้
เมื่อทักษิณ ติดคุก และจะเป็นผู้นำจิตวิญญาณในการต่อสู้นั้น นายจตุพร กล่าวว่า โดยประสบการณ์ติดคุกแล้ว ถ้าไม่รีบวางอดีตลงให้เร็วจะทำให้ทุรนทุรายกับการติดคุกอย่างที่สุด สิ่งสำคัญต้องลืมอดีตความยิ่งใหญ่ของตัวเองแม้เป็นอดีตนายกฯ ก็ตาม
"พอไปติดคุก ถ้าคิดถึงอดีตของตัวเอง เคยเป็นนายกฯ มีบริวารมากมาย จะทำให้ตัวเองนอนไม่หลับ คิดแต่ว่าคนที่ยิ่งใหญ่จะมาอยู่ในห้องขังแคบๆ ถูกจำกัดเสรีภาพได้อย่างไร หรือคิดว่าอนาคตจะกลับไปเป็นอะไร ก็จะยิ่งทุกข์ทรมาน เพราะร่างกายคนจะแพ้ที่ใจ ถ้าตรอมใจก็จะไปดื้อๆ เลย ผมเคยเปรียบว่า คุกคือสุสานคนเป็น ต้องข้ามพ้นการแพ้จิตใจให้ได้"
พร้อมกล่าวว่า ผู้นำจิตวิญญาณอย่างมหาตมา คานธี นำการต่อสู้ปลดปล่อยอินเดียเป็นเอกราชจากอังกฤษ แม้ถูกฆ่าตาย แต่เป็นจิตวัญญาณการต่อสู้ของคนอินเดีย รวมทั้งเนลสัน แมนเดลา นักเคลื่อนไหวต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว ถูกรัฐบาลผิวขาวจับติดคุก 27 ปี พ้นโทษออกมาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีแอฟริกาใต้
แต่เนลสันไม่เคยพกความแค้นออกมาจากคุก เมื่อชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีโดยให้คนผิวขาวอยู่ในตำแหน่งตามเดิม สิ่งสำคัญหลักคิดที่เนลสันยึดมั่นคือ วันที่มีอำนาจมากที่สุดเป็นวันที่มีความเมตตามากที่สุด เขาจึงเป็นผู้นำจิตวิญญาณของแอฟริกาใต้
"การยกย่องให้เป็นผู้นำจิตวิญญาณนั้น ถ้าสบายใจก็ทำไป แต่ผู้นำจิตวิญญาณในคดีเกี่ยวข้องกับการทุจริตประพฤติมิชอบในโลกไม่เคยมี"
นายจตุพร เชื่อว่า คำวินิจฉัยของศาลฎีกาฯ กรณีทักษิณ จะเป็นบทเรียนและจะนำพาประเทศสู่ความยุติธรรมในความเท่าเทียมของสังคม โดยมีประเทศเกาหลีใต้ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ เป็นตัวอย่างความยุติธรรมทำให้สังคมเท่าเทียม เพราะจับผู้นำทำผิดมาลงโทษคุมขังคุก แล้วบ้านเมืองก็เดินต่อไปได้
"แต่กรณีของบ้านเมืองเราถูกปล่อยปละละเลย กรณีนี้ผมเชื่อว่า ทั้งหมดเป็นการกำราบในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้และอนาคตว่า คนที่มีภาระหน้าที่เป็นนายกฯ เป็นประมุขฝ่ายบริหาร กฎหมายก็ไม่ได้ละเว้น ในอดีตเรามีรัฐมนตรียศพลเอก ตายในคุกก็มี ดังนั้น ต้องมีความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ถ้าบ้านเมืองไม่มีการจัดการอย่างเด็ดขาดกัน เราก็จะกลายเป็นประเทศล้าหลัง"
อีกทั้งยกตัวอย่างกรณีตึกล้างของหน่วยงานรัฐที่ก่อสร้างไม่เสร็จว่า รวมมูลค่าความเสียหายนับแสนล้าน แต่ไม่มีใครแก้ไขปัญหาในการประมูล จัดซื้อจัดจ้างจนให้ตึกราชการสร้างไม่เสร็จ หนำซ้ำหน่วยงานที่ตึกถล่มกลับได้รับรางวัลคุณธรรมโปร่งใส ซึ่งบ้านเมืองอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อไปไม่ได้
นายจตุพร กล่าวถึงรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูลว่า ในช่วง 4 เดือนยุบสภานั้น ไม่ได้หวังอะไรมากมาย เพียงแต่ขอให้ไม่ทำในสิ่งที่อดีตรัฐบาลกระทำจนประชาชนไม่พอใจ และสิ่งสำคัญที่สุดคือมองสถานการณ์ของประเทศให้ไกลกับการจะสร้างความแข็งแรงให้กับสถาบันหลักของชาติและประชาชนได้เดินไปข้างหน้า คือ การสร้างความถูกต้องและยุติธรรมในแต่ละกระบวนการ