ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ให้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องรับโทษจำคุก 1 ปีเต็ม ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในสมการการเมืองไทย
ศาลวินิจฉัยว่า ช่วงเวลาที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ระหว่างวันที่ 23 สิงหาคม 2566 ถึง 18 กุมภาพันธ์ 2567 จะไม่ถูกนับเป็นระยะเวลาคุมขัง เพราะไม่ได้ป่วยฉุกเฉิน และเลือกเข้ารับการรักษาโรคที่ไม่เร่งด่วน เช่นการผ่าตัดนิ้วล็อกและเอ็นหัวไหล่ แทนที่จะเข้ารับการผ่าตัดโรคหัวใจและหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
คำตัดสินนี้ไม่ได้กระทบเพียงเสรีภาพส่วนตัว แต่ยังส่งแรงสั่นสะเทือนไปถึง ยุทธศาสตร์ทางการเมือง รอบตัวเขา บทบาทของทักษิณในฐานะ “ผู้อยู่เบื้องหลัง” พรรคเพื่อไทยถูกตั้งคำถาม เพราะการต้องรับโทษจำคุกทำให้การเคลื่อนไหวถูกจำกัด และลดอำนาจต่อรองกับฝ่ายการเมืองต่างๆ
ท่ามกลางความกดดันนี้ หลายฝ่ายกลับมองเห็น “โอกาสในวิกฤติ” เพราะสถานการณ์ที่บีบให้ถอย อาจผลักให้โครงสร้างรอบตัวทักษิณถูกจัดเรียงใหม่ และสร้างพลังกลับคืนมา แม้อาจต้องใช้เวลา
สิ่งที่ทำให้สมการการเมืองซับซ้อนยิ่งขึ้น คือคดี มาตรา 112 ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจชี้ชะตาอนาคตของทักษิณ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ศาลอาญามีคำพิพากษา ยกฟ้องคดีมาตรา 112 จากกรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ในปี 2558 ด้วยถ้อยคำที่ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นสถาบันฯ
ศาลเห็นว่าเป็นเพียง การแสดงความคิดเห็นเชิงการเมือง ไม่ปรากฏเจตนาหมิ่นหรืออาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ คำตัดสินนี้ถูกมองว่าเป็น “ชัยชนะทางกฎหมาย” ครั้งสำคัญในรอบหลายปี
แต่ชัยชนะนี้ยังไม่เด็ดขาด เพราะ อัยการสูงสุดมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน และหากศาลสูงกลับคำพิพากษาเดิม ทักษิณอาจเผชิญบทลงโทษที่รุนแรงกว่า ซึ่งไม่อาจมองข้าม เพราะในหลายคดีก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นเคยยกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์กลับพิพากษาลงโทษ
การที่คดีนี้ยัง “เปิดอยู่” ทำให้มาตรา 112 กลายเป็น ชนักปักหลัง ที่พร้อมถูกหยิบมาใช้กดดันในเกมการเมืองทุกเมื่อ
การตัดสินใจของ อัยการสูงสุด จึงมีความหมายอย่างยิ่ง หากเลือก ไม่ยื่นอุทธรณ์ ทักษิณจะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา และสามารถขยับตัวได้มากขึ้นในเกมอำนาจ นั่นจะเปิดโอกาสให้ พรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนสถานะจากรัฐบาลมาเป็นฝ่ายค้าน ใช้สถานการณ์นี้เป็น ไพ่สำคัญ เพื่อฟื้นพลังทางการเมือง
แต่หากอัยการเลือก เดินหน้าอุทธรณ์ ทักษิณจะยังคงถูกจำกัดบทบาท และคดีมาตรา 112 จะเป็น เครื่องมือกดดัน ที่ยืดเยื้อ สร้างแรงบีบทั้งในและนอกสภา และบังคับให้พรรคเพื่อไทยต้องปรับกลยุทธ์ โดยผลักดันผู้นำรุ่นใหม่ขึ้นมาสร้างพื้นที่ต่อรองแทน
ทั้งหมดนี้ทำให้การเมืองไทยเดินเข้าสู่ จุดหัวเลี้ยวหัวต่อ อีกครั้ง “ชัยชนะชั่วคราว” ของทักษิณในคดีมาตรา 112 อาจเป็นเพียง ภาพลวงตา หากอัยการสูงสุดใช้อำนาจอุทธรณ์ และหากศาลสูงกลับคำพิพากษาเดิม เกมที่ดูเหมือนจะเปิดทางให้ทักษิณกลับมามีบทบาท อาจพลิกผันกลายเป็นการจำกัดเขาไว้มากยิ่งขึ้น
คดีมาตรา 112 จึงไม่ใช่เพียงข้อกล่าวหาทางกฎหมาย แต่เป็น เครื่องมือทางการเมือง ที่กำหนดสมดุลอำนาจในประเทศ และการตัดสินใจของอัยการสูงสุดในครั้งนี้ จะเป็นตัวแปรสำคัญว่าทักษิณจะเดินเกมต่อในฐานะผู้เล่นหลัก หรือถูกบังคับให้กลายเป็นเพียงตัวแปรที่ถูกควบคุมอยู่ในเงื้อมมือของสมการการเมืองไทยที่ซับซ้อนกว่าที่เคย
#ทักษิณชินวัตร #ทักษิณจำคุก1ปี #ทักษิณติดคุกคดีอะไร #ทักษิณโดนข้อหาอะไร