วันที่ 10 ก.ย.68 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความผ่ายเฟซบุ๊ก "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" ระบุว่า...

“เสรีภาพที่ยิ่งใหญ่

ศาลฎีกาตัดสินให้ทักษิณกลับไปติดคุก 1 ปี

โดยไม่ถือว่าระยะเวลาที่เคยอยู่ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เป็นระยะเวลาในการคุมขัง

คนที่เคยติดคุกอย่างผม แม้ไม่เห็นด้วย แต่ย่อมต้องเชื่อฟัง เพราะเป็นศาลฎีกา

ถึงแม้จะอยู่สุขสบายแค่ไหน คุกก็คือคุก จะได้กินหูฉลาม ได้นอนฟูก แต่มันก็คือคุกอยู่ดี

หัวใจสำคัญที่สุดของการติดคุก คือ ”การจำกัดเสรีภาพ“ อันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ของมนุษย์ทุกคน

การที่คุณทักษิณอยู่โรงพยาบาลตำรวจมา 6 เดือน จึงถือว่า ”ไร้อิสรภาพ“ เพราะไม่สามารถไปไหนได้

เมื่อศาลไม่นับให้ ก็กลายเป็นติดคุกฟรี

อย่างผมถูกควบคุมตัวที่โรงพัก 3 วัน ราชทัณฑ์ยังนับเป็นวันคุมขัง นำไปตัดจำนวนวันต้องโทษลงได้

อันนี้ผมพูดตามความรู้สึกของคนคุกนะครับ

ความยุติธรรมที่ต้องวัดกันด้วย ”เสรีภาพ” คนไม่เคยติดอาจบอกว่า ไม่นาน แค่ 1 ปี เอง

แต่สำหรับคนที่ติดคุกมาก่อนจะรู้ว่า

เวลา 1 วัน ในคุก มันยาวนานกว่านอกคุกมาก เพราะเสรีภาพเขานับกันเป็นรายชั่วโมง

โดยเฉพาะคนอย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ปัจจุบันอายุ 76 ปี

การกลับมาโดยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ยอมเดินไปศาล ต้องใส่ชุดนักโทษขึ้นรถย้ายเรือนจำ สำหรับบางคนอาจสะใจ

แต่สำหรับผม ถือว่าต้องนับถือหัวใจ

ด้วยสถานการณ์ที่พลิกผัน อนุทินได้เป็นนายกฯ ขณะที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ติดคุก

ผมจึงกลับคิดว่านี่เป็นการ “พลิกวิกฤตอย่างแท้จริง“ ของพรรคเพื่อไทย

ภาวการณ์ที่แม้แต่พรรคส้มยังป้อแป้กับอุดมการณ์ที่กลับไปกลับมา

กับการโหวตที่สุดประหลาด “เป็นฝ่ายค้านที่โหวตให้ไปเป็นรัฐบาลเพื่อยุบสภา“

และพรรคภูมิใจไทยที่ไม่มีอะไรจะขายในทางการเมือง

การติดคุกของทักษิณ อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเมืองไทย

คนไทยมีนิสัยอยู่อย่าง ไม่ชอบเห็นคนถูกรังแก”