กลายเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง สำหรับ อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร หลัง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ให้ ต้องกลับเข้าเรือนจำเพื่อรับโทษจำคุก 1 ปีเต็ม ภายหลังการวินิจฉัยว่า การเข้าพักรักษาตัวที่ห้องพิเศษ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ถือเป็นการ “รับโทษจำคุกตามกฎหมาย”
การตัดสินครั้งนี้ ปิดฉากความพยายาม “หลบคุก” ของอดีตผู้นำทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในรอบสองทศวรรษ และทำให้สังคมไทยตั้งคำถามถึง บทเรียนเรื่องอำนาจ กฎหมาย และความยุติธรรม อีกครั้ง
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 “ทักษิณ” ตัดสินใจ ยุติการลี้ภัยยาวนาน 15 ปี และเดินทางกลับประเทศไทยท่ามกลางกระแสการเมืองร้อนแรงในยุครัฐบาลผสมของพรรคเพื่อไทย วันเดียวกันนั้นศาลฎีกาได้เริ่มกระบวนการบังคับโทษจำคุก 8 ปี จากคดีทุจริตหลายคดีที่สะสมมาตั้งแต่ปี 2549 ก่อนได้รับลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี
ทว่าตลอดระยะเวลาที่ถูกคุมขัง “ทักษิณ” ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว โดยถูกส่งไปพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจทันที ด้วยเหตุผลปัญหาสุขภาพ การอยู่ใน “ห้องพิเศษ” ระดับวีไอพีตลอดหลายเดือน กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคม ถึงขั้นถูกตั้งคำถามว่า นี่คือสิทธิพิเศษทางการเมือง หรือช่องโหว่ของระบบยุติธรรม กันแน่
กรณีการพักรักษาตัวของ “ทักษิณ” ที่โรงพยาบาลตำรวจถูกวิพากษ์อย่างหนักจนถูกขนานนามว่า “วิบากกรรมชั้น 14” เพราะเป็นห้องผู้ป่วยพิเศษที่มีความสะดวกสบายเหนือมาตรฐานผู้ต้องขังทั่วไป
โดยฝ่ายหนึ่งเชื่อว่า “ทักษิณ” ป่วยจริง และสมควรได้รับสิทธิรักษาตามหลักมนุษยธรรม แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับมองว่า นี่คือการ “ป่วยทิพย์” เพื่อหลีกเลี่ยงการนอนคุก
จากนั้น คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จึงต้องเชิญเจ้าหน้าที่เรือนจำ แพทย์ และผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายมาชี้แจง สุดท้าย “ศาลฎีกา” มีคำตัดสินชัดเจน ว่า “การรักษาตัวในโรงพยาบาลไม่ถือเป็นการรับโทษจำคุก” ทำให้ต้องกลับเข้าเรือนจำเพื่อรับโทษจริง 1 ปีเต็ม
ต้องยอมรับว่า คำพิพากษาในครั้งนี้ ไม่ได้สะเทือนเฉพาะอดีตนายกรัฐมนตรี แต่ยังสั่นสะเทือน เกมการเมืองไทย โดยเฉพาะภายในพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายการเมืองที่เกี่ยวข้องกับ “ตระกูลชินวัตร” และนี่คือบทเรียนครั้งสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยต้องกลับมาทบทวนระบบราชทัณฑ์และช่องว่างของกระบวนการยุติธรรม
สุดท้าย เรื่องราวของ “ทักษิณ” ในวันนี้ คือภาพสะท้อนของ “วิบากกรรม” ที่ยาวนานตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน ต่อให้พยายามหลีกหนีด้วยพลังทางการเมือง เครือข่าย หรืออิทธิพลทางเศรษฐกิจ แต่สุดท้าย กฎหมายก็ไล่ทัน