มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จัดงาน“DPU CWIE Day” ประจำปีการศึกษา 2567–2568 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 เพื่อตอกย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยในการยกระดับความร่วมมือพัฒนาศักยภาพนักศึกษากับภาคีเครือข่ายสถานประกอบการ พร้อมสร้างเวทีให้นักศึกษาได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะ ผ่านการบูรณาการเรียนกับการทำงานจริง พร้อมมอบเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติแก่นักศึกษาที่มีโครงงานโดดเด่น โดยมี คณาจารย์ ผู้ปกครอง และสถานประกอบการ ตลอดจนนักศึกษาให้ความสนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก

ภายในงานมีการเปิดเวทีให้นักศึกษาจากคณะและวิทยาลัยต่าง ๆ นำเสนอผลงาน โดย วิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์เทคโนโลยี (ANT) ที่สามารถคว้า 2 รางวัลสำคัญ ได้แก่ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดีเด่น และรางวัลชนะเลิศอันดับ 2 ประเภทโครงงานนวัตกรรม CWIE ดีเด่น ขณะที่ วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทโครงงานสหกิจศึกษาด้านมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และการจัดการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักศึกษา DPU ที่พร้อมก้าวสู่การเป็นบัณฑิตคุณภาพสามารถทำงานจริงได้ตั้งแต่วันแรก

ผศ.วิญญู นิรนาทล้ำพงศ์ หัวหน้าหลักสูตรปริญญาตรี สาขาขาวิชาการออกแบบเชิงโต้ตอบและการพัฒนาเกม วิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เทคโนโลยี DPU ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ เปิดเผยว่า วิทยาลัยได้ให้ความสำคัญกับการ “จับคู่ทักษะนักศึกษา–ความต้องการองค์กร” ผ่านขั้นตอนสมัคร สัมภาษณ์ และประเมินทักษะ รวมถึงความสนใจต่อสถานประกอบการต่างๆ ก่อนที่ทางวิทยาลัยจะเป็นผู้ประสานสถานประกอบการที่เหมาะสม เพื่อให้นักศึกษาได้ทำงานตรงกับความถนัดและความชอบ ทำให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มที่

“วิทยาลัยฯ มุ่งเน้นให้นักศึกษาได้ค้นพบและเข้าใจศักยภาพของตนเองว่าโดดเด่นด้านใด เพื่อจะได้พัฒนาทักษะอย่างตรงจุด โดยเฉพาะการบูรณาการศาสตร์ศิลปะ เข้ากับเทคโนโลยี ทำให้นักศึกษาสามารถต่อยอดความรู้ไปสู่การสร้างสรรค์ผลงานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเกม อนิเมชัน หรือชิ้นงานที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในอนาคต”  อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ กล่าว

ตัวอย่างความสำเร็จ นางสาวอภัสรา ฮามสาร นักศึกษาวิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เทคโนโลยี DPU ที่คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดีเด่น จากโครงงาน “ThairathRookies Event” ที่ได้เข้าฝึกสหกิจช่องไทยรัฐทีวี ในตำแหน่งกราฟิกดีไซน์ โดยต้องทำงานแข่งกับเวลา ทั้งงาน 2D และ 3D แม้จะถนัดด้าน 2D แต่ก็ได้ฝึกพัฒนาทักษะด้าน 3D เพิ่มเติม โดยมีรุ่นพี่ศิษย์เก่าของคณะซึ่งทำงานอยู่เป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำ ทำให้ตลอดระยะเวลา 4 เดือนสามารถสร้างสรรค์ผลงานจริงได้อย่างมีคุณภาพ ส่วน นางสาวประภัสสร แก้วสคิตย์ นักศึกษาวิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์เทคโนโลยี คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 2 ประเภทโครงงานนวัตกรรม CWIE ดีเด่น ในโครงงานการสร้างสรรค์เกมการตลาดเพื่อการโฆษณาที่ได้นำความรู้ด้านโปรแกรมมิ่งและกราฟิกมาประยุกต์ใช้กับงานการตลาด สร้างความประทับใจแก่บริษัทจากการพัฒนาเกมสำหรับใช้เล่นในบูธแสดงสินค้าขององค์กร นับเป็นโครงงานที่ผสานทั้งเกมและงานกราฟิกเข้าด้วยกันอย่างสร้างสรรค์

นางสาวอภัสรา ฮามสาร นักศึกษาวิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์เทคโนโลยี DPU เจ้าของโครงงาน “ThairathRookies Event” กล่าวว่า ตนได้เข้าฝึกสหกิจศึกษาที่ช่องไทยรัฐทีวี เพราะต้องการประสบการณ์ที่ท้าทาย งานที่ได้รับมอบหมายต้องเสร็จภายในวันเดียว ทำให้ได้ฝึกทั้งความรับผิดชอบ การจัดการเวลา และการทำงานภายใต้แรงกดดันควบคู่ไปกับการนำความรู้ในห้องเรียนมาปรับใช้จริง ทั้งการออกแบบสัดส่วน การสร้างโครงร่าง เทคนิคหน้าชัด–หลังเบลอ ไปจนถึงทักษะด้านกราฟิกและมัลติมีเดียที่ได้เรียนมา

“สำหรับโครงการที่ได้รับรางวัล เป็นการออกแบบบูธ Shopee ที่จะต้องผสมผสานทั้งความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยได้นำความรู้ด้าน AI, AR และ VR มาประยุกต์ร่วมกับทีมจากมหาวิทยาลัยและคณะอื่น ๆ เพื่อสร้างบูธที่มอบประสบการณ์ใหม่และตอบโจทย์ด้านการตลาดและการสื่อสารได้จริง ซึ่งผลงานที่ทำออกมาภูมิใจมาก ทำให้มั่นใจว่าประสบการณ์จากการทำงานจริงและการแลกเปลี่ยนมุมมองกับเพื่อนต่างสถาบันเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยต่อยอดการทำงานในอนาคตได้” เจ้าของโครงงานกล่าว

ด้านนางสาวประภัสสร แก้วสคิตย์ นักศึกษาวิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์เทคโนโลยี เจ้าของโครงงานการสร้างสรรค์เกมการตลาดเพื่อการโฆษณา กล่าวอย่างภูมิใจว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้รับรางวัลนี้ ตนเข้าฝึกสหกิจศึกษาที่บริษัทออโตวูด ได้รับโจทย์จากองค์กรให้พัฒนา “เกมสุ่มรางวัลรูปแบบใหม่” เพื่อทดแทนการใช้วงล้อแบบเดิม ที่เน้นความทันสมัยและช่วยงานการตลาดได้จริง โดยตนนำองค์ความรู้จากห้องเรียน ทั้งแนวคิดออกแบบเกม กระบวนการพัฒนา และทักษะโปรแกรมมาประยุกต์สร้างเกมอินเทอร์แอ็กทีฟสำหรับใช้งานหน้าบูธของบริษัท เพื่อช่วยดึงดูดผู้ร่วมงาน เพิ่มการมีส่วนร่วม และสื่อสารแบรนด์ได้ชัดเจนขึ้น ผลงานได้รับคำชื่นชมจากสถานประกอบการและนำไปใช้จริง

ในส่วนของ วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี DPU นายดนัยกฤต มณีวรรณ์ นักศึกษาหลักสูตรการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสามารถคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งประเภทโครงงานสหกิจศึกษาในกลุ่มมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์และการจัดการ ในชื่อโครงการ “การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการปรับปรุงกระบวนการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานโดยใช้ระบบจัดการข้อมูลแบบรวมศูนย์ กรณีศึกษา บริษัท เชนลิสซิ่ง จำกัด” โดยมี ผศ.ศิรัตน์ แจ้งรักษ์สกุล อาจารย์ประจำหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี เป็นที่ปรึกษาโครงการ

ผศ.ศิรัตน์ เปิดเผยว่า โครงการสหกิจศึกษาเป็นกลไกสำคัญที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากการทำงานจริงควบคู่ไปกับการเรียน โดยเฉพาะนักศึกษาหลักสูตรพิเศษที่เรียนวันเสาร์–อาทิตย์ ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานอยู่แล้ว ทำให้สามารถนำความรู้จากมหาวิทยาลัยไปประยุกต์ใช้ได้ทันที เมื่อขึ้นปี 4 นักศึกษาจะต้องทำโครงงานที่สะท้อนปัญหาหรือโอกาสในการพัฒนางาน เช่น นักศึกษาที่ฝึกงานในบริษัทด้านการเงิน แม้งานไม่ตรงสายกับโลจิสติกส์โดยตรง แต่ก็สามารถประยุกต์แนวคิดการจัดการ “การไหล” ทั้งข้อมูล เอกสาร และการเงิน เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานได้จริง

“จุดแข็งนักศึกษาที่ได้รับรางวัลนั้นทำงานควบคู่กับการเรียน คือสามารถนำประสบการณ์จริงมาผนวกกับองค์ความรู้ที่ได้รับจากมหาวิทยาลัย และมองเห็นแนวทางแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม ตัวอย่าง การพัฒนาระบบจัดการข้อมูลแบบรวมศูนย์ด้วย Google Sheet และ Power BI เพื่อแก้ปัญหาข้อมูลกระจัดกระจาย ทำให้องค์กรเข้าถึงข้อมูลได้ทันเวลา ลดความซ้ำซ้อน และช่วยให้การตัดสินใจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สะท้อนถึงการนำวิชาการมาประยุกต์ใช้กับการทำงานจริงได้อย่างชัดเจน” อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการกล่าวทิ้งท้าย

ด้าน นายดนัยกฤต เล่าว่า ตนฝึกสหกิจศึกษากับบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ทำพาร์ทไทม์เนื่องจากสนใจเรื่องการจัดการข้อมูล การเงิน และบัญชี ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับกระบวนการทำงานจริงในองค์กร ระหว่างการฝึกงานได้พบปัญหาข้อมูลที่กระจัดกระจายและเข้าถึงได้ยาก จึงนำความรู้จากมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะการใช้ Google Sheet และ Power BI มาประยุกต์พัฒนาระบบจัดการข้อมูลแบบรวมศูนย์ โดยระบบที่สร้างขึ้นช่วยให้แต่ละสาขาสามารถอัปเดตและแชร์ข้อมูลได้ทันที ขณะที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็เข้าถึงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ ทำให้การทำงานลดความซ้ำซ้อน เพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ และสนับสนุนการตัดสินใจขององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

​​​​​​​