เมื่อวันที่ 9 ก.ย.68 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ออกประกาศเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) คว่ำบาตรองค์กร 9 แห่งในประเทศเมียนมา ซึ่งสหรัฐฯ ระบุว่าอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Army) รวมถึงองค์กรอีก 10 แห่ง ในประเทศกัมพูชา ซึ่งสหรัฐฯ ชี้ว่ามีการบังคับใช้แรงงานเพื่อหลอกลวงเกี่ยวกับการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทที่จดทะเบียนธุรกิจในประเทศไทย 1 แห่ง อยู่ในรายชื่อองค์กรที่ถูกคว่ำบาตรด้วย คือ บริษัท หยา ไท่ อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้ง แต่เลิกกิจการไปตั้งแต่เดือน พ.ย. 2566

สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างชาติ (OFAC) ในสังกัดกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า การออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้ มีขึ้นเพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อขบวนการสแกมเมอร์ ซึ่งในปี 2567 ได้หลอกลวงเอาเงินจากชาวอเมริกันไปแล้วกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 66% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น

นายจอห์น เฮอร์ลีย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลังฝ่ายข่าวกรองทางการเงินและการก่อการร้าย ระบุในเว็บไซต์กระทรวงฯ ว่า อุตสาหกรรมไซเบอร์สแกมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่เพียงแต่เป็นภัยคุกคามต่อความเป็นอยู่และความมั่นคงทางการเงินของชาวอเมริกันเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนหลายพันคนตกเป็นทาสยุคใหม่ด้วย

"กระทรวงการคลังจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อต่อสู้กับขบวนการอาชญากรรมทางการเงิน และปกป้องชาวอเมริกันไม่ให้สแกมเมอร์เหล่านี้หลอกลวงจนเกิดความเสียหายได้" นายจอห์น กล่าว

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นมาตรการล่าสุดจากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งเป้าจัดการกับเครือข่ายสแกมเมอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยผู้ที่หางานมักถูกล่อลวงด้วยเหตุผลที่ดูดี ก่อนจะถูกบังคับหรือไม่ก็ขู่ใช้ความรุนแรงให้ทำงานเป็นสแกมเมอร์หลอกลวงคนแปลกหน้าผ่านแอปส่งข้อความ หรือส่งข้อความไปยังโทรศัพท์ของเหยื่อโดยตรง

ขบวนการเหล่านี้ได้กลายเป็นจุดสนใจในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังมีการกวาดล้างครั้งใหญ่ในภูมิภาค ทำให้มีผู้ถูกควบคุมตัวหลายพันคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกิดกรณีการหายตัวของนักแสดงจีน "ซิง ซิง" ซึ่งเดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อต้นปีนี้ แต่ขาดการติดต่อกับครอบครัว จนกระทั่งสืบทราบในเวลาต่อมาว่าเขาถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา

สำหรับกัมพูชานั้น นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนมองว่า รัฐบาลกัมพูชายังทำได้ไม่ดีพอ โดยในเดือนมิ.ย. แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้กล่าวหาว่าทางการกัมพูชา "จงใจเพิกเฉย" ต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับศูนย์สแกมเมอร์เหล่านี้