เงินบาทแข็งค่าทำสถิติรุนแรงสุดในรอบ 4 ปี แตะระดับ 31.70 บาทต่อดอลลาร์ ส่งผลกระทบหนักต่อผู้ประกอบการไทยทั้งภาคส่งออก การท่องเที่ยว และเกษตรกรรม จนหอการค้าไทยต้องออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เร่งออกมาตรการดูแลอย่างเร่งด่วน

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การแข็งค่าครั้งนี้รวดเร็วและรุนแรงเกินไป สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจจริงของประเทศ โดยผลกระทบสำคัญมีทั้ง 1.ภาคส่งออก ที่เสียความสามารถในการแข่งขันเพราะต้นทุนสินค้าไทยสูงขึ้น 2.ภาคท่องเที่ยว ที่ทำให้ค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยวต่างชาติแพงขึ้น จนแรงจูงใจลดลง และ3.ภาคเกษตรกรรม โดยเฉพาะผู้ส่งออกข้าวและพืชไร่ ที่รายได้ไม่สอดคล้องกับต้นทุนจริง

สาเหตุเงินบาทแข็งผิดปกติ หอการค้าไทย ชี้ว่า ปัจจัยหลักเกิดจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าจากการคาดการณ์ว่าเฟด (Fed) อาจลดดอกเบี้ย และการขายทองคำในตลาดโลกที่ดันให้มีการเปลี่ยนกลับเป็นเงินบาทจำนวนมาก จนเกิดแรงหนุนค่าเงินไทยมากกว่าประเทศคู่แข่ง อีกทั้งยังมี fund flow และเงินคริปโต ไหลเข้ามาเพิ่มแรงกดดัน

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยภายนอกที่ซ้ำเติม เช่น การทบทวนมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และยุโรปที่อาจกระทบผู้ส่งออกไทย รวมถึงข้อจำกัดในการแทรกแซงค่าเงินที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกจับตาว่าบิดเบือนอัตราแลกเปลี่ยนจากคู่ค้ารายใหญ่

หอการค้าไทยและ กกร. เสนอแนวทางสำคัญ คือ การแยกดุลทองคำออกมาให้ชัดเจน เพื่อสะท้อนผลกระทบจริงต่อค่าเงิน พร้อมเรียกร้องให้ ธปท. เข้ามาจัดการอย่างเป็นระบบ หากปล่อยให้เงินบาทแข็งเกินจริงต่อเนื่อง จะบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันและทำให้ไทยเสียเปรียบคู่ค้าในเวทีโลก

“เงินบาทที่แข็งค่าเกินไป ไม่ได้สะท้อนศักยภาพที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทย แต่กลับทำลายความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เราจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน” นายพจน์ กล่าว