ชาวบ้านบ้านเล่าชีก๋วยกว่า 300 คน รวมตัวหน้าที่ว่าการอำเภอแม่จัน เรียกร้องให้นายอำเภอและปลัดอาวุโสชี้แจง หลังถูกสั่งขุดย้ายศพบรรพบุรุษจากที่ดินทำกิน ขณะข้อพิพาทยืดเยื้อกว่า 1 ปี ศูนย์ดำรงธรรมเคยไกล่เกลี่ยหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ ล่าสุดรองผู้ว่าฯ เชียงรายสั่งระงับการขุดศพชั่วคราว และเตรียมจัดตั้งสุสานสาธารณะเพื่อหาทางออกที่เป็นธรรม

วันที่ 8 ก.ย.2568 เวลา 09.00 น.ที่ว่าการอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย  ชาวบ้านบ้านเล่าชีก๋วย  หมู่ 16 ตำบลป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย กว่า 300 คน นำโดย นางสาวนลินทิพย์ ศากยวงศ์ นายวุฒิพงษ์ สวรรค์โชติ นายกสมาคมลาหู่ในประเทศไทย/นายกสมาคมลาหู่นานาชาติ ได้เดินทางมายังที่ทำว่าการอำเภอแม่จัน เพื่อขอเข้าพบนาย ญาณวุฒิ สุดพิมศรี นายอำเภอแม่จัน และนายพิชัย เขื่อนเพ็ชร์ ปลัดอาวุโส อำเภอแม่จัน เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมกรณี สั่งให้ขุดและย้ายหลุมฝังศพของ บรรพบุรุษในพื้นที่บ้านเล่าชีก๋วย ตำบลป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งทำให้เกิดความกังวลกับชาวบ้านมาก ซึ่งอาจจะต้องถูกสั่งให้ย้ายที่ฝังศพของบรรพบุรุษ หากมีการร้องเรียนอย่างไม่เป็นธรรม  โดยได้นำป้ายขับไล่นายอำเภอแม่จัน  และปลัดอาวุโส อำเภอแม่จันให้ออกนอกพื้นที่

สำหรับปัญหาข้อพิพาทเกิดจากการฝังศพ พ่อเฒ่าจะแก จิตเอื้ออังกูร  ผู้อาวุโสชาวลาหู่วัย 83 ปี บนที่ดินสวนหมู่ 16 ตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ยังคงยืดเยื้อมานานเกือบปี แม้จะมีการไกล่เกลี่ยหลายครั้งจากฝ่ายปกครองและศูนย์ดำรงธรรม แต่ไม่สามารถหาข้อยุติได้ จนต้องเข้าสู่การพิจารณาของศาลปกครองเชียงใหม่ โดยที่ดินพิพาทเป็นสวนเนื้อที่ 15 ไร่ อยู่ในเขตจัดสรร ส.ป.ก. และ ส.ท.ก. เดิมครอบครองโดยนายเล่าชีก๋วย ผู้ก่อตั้งบ้านเล่าชีก๋วย ต่อมาเมื่อปี 2533 ได้โอนสิทธิการทำประโยชน์ให้นายเรวัต ศากยวงศ์ และนางสาวเมทินี จิตเอื้ออังกูร ครอบครัวผู้ครอบครองได้ใช้ทำสวนผลไม้มาโดยตลอด

และเมื่อต้นเดือนเมษายน 2567 พ่อเฒ่าจะแก ซึ่งเป็นผู้ดูแลสวนและมีความผูกพันกับพื้นที่ ได้สั่งเสียให้ฝังร่างไว้ภายในสวนหลังเสียชีวิต ครอบครัวจึงปรับพื้นที่และเชิญทั้งผู้นำจิตวิญญาณลาหู่และชินแสมาตรวจสอบ ยืนยันว่าไม่กระทบต่อหมู่บ้าน พร้อมรวบรวมรายชื่อชาวบ้านเห็นชอบกว่า 100 รายชื่อ ก่อนจะฝังร่างเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567

ทั้งนี้ทางด้านลูกสาวของนายเล่าชีก๋วย และเพื่อนบ้านใกล้เคียง คัดค้านโดยให้เหตุผลว่าพื้นที่ดังกล่าวถือเป็น “เขาหัว–หางมังกร” และ “หมอนหมู่บ้าน” ตามความเชื่อชาวเมี่ยน การฝังศพในจุดดังกล่าวจึงไม่เหมาะสม ส่งผลให้เกิดการร้องเรียนและนำไปสู่การเจรจาไกล่เกลี่ยหลายครั้งตลอดปี 2567 จนถึงต้นปี 2568 ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอและจังหวัดได้จัดเวทีไกล่เกลี่ยรวมแล้วไม่น้อยกว่า 5 ครั้ง ฝ่ายครอบครัวผู้ตายยืนยันข้อเสนอปรับภูมิทัศน์และยินยอมให้ประกอบพิธีตามความเชื่อเมี่ยน

ขณะที่ฝ่ายคัดค้านยืนกรานให้ขุดย้ายศพเพียงทางเดียว ส่งผลให้การเจรจาทุกครั้งล้มเหลว ต่อมา ฝ่ายปกครองอำเภอแม่จันมีคำสั่งทางปกครองให้ขุดย้ายศพภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ครอบครัวผู้ตายไม่ยินยอม โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งด้วยวาจาและยังไม่มีเอกสารอนุญาตอย่างถูกต้อง อีกทั้งการฝังอยู่ในที่ดินทำกิน ไม่กระทบสิ่งแวดล้อม และสอดคล้องกับวิถีปฏิบัติของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ฝังศพไว้ในพื้นที่ตนเอง

โดยหลังจากที่มีการาชุมนุม นายวุฒิชฑณ์ แก้วใส ปลัดอำเภอแม่จันได้เชิญแกนนำ  พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงค์ธรรมจังหวัดเชียงราย มาพบปะเพื่อหาทางออก โดยทางฝั่งของผู้ชุมนุม ได้กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้พยายามเจรจาหาทางออก ในการทำให้ที่ฝังศพเป็นไปอย่างถูกต้อง โดยยินยอมที่จะสละที่ดินเพื่อทำให้เป็นสุสานสาธารณะ เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ มีการยื่นหนังสือถึงนายอำเภอ แต่ได้ถูกตอบกลับมาว่ายังไม่ได้รับหนังสือ ทำให้เกิดรวมตัวและเข้ามาเรียกร้องความยุติธรรมในครั้งนี้

สำหรับประเพณีการฝังศพของชาติพันธุ์ จะทำการฝังศพบรรพบุรุษในพื้นที่ทำกินของตนเอง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการอนุโลมให้สามารถทำได้ แต่ด้วยเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการฟ้องร้องจนเกิดข้อพิพาท และมีคำสั่งให้ขุดย้ายหลุมศพ ทำให้ชาวบ้านต่างกังวลว่าในอนาคตหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นหรือไม่พอใจใครก็มาฟ้อง หรือกลั่นแกล้งให้ขุดลุมศพบรรพบุรุษ ก็สามารถทำได้ จึงต้องการให้มีทางออกอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

อย่างไรก็ตามในการพบปะพูดคุยครั้งนี้ นายญาณวุฒิ สุดพิมศรี นายอำเภอแม่จัน และนายพิชัย เขื่อนเพ็ชร์ ปลัดอาวุโส อำเภอแม่จัน ติดภารกิจไม่ได้เข้ามารับฟังข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมแต่อย่างใด โดยในช่วงบ่ายกลุ่มผู้ชุมนุมจะได้เคลื่อนตัวไปยังศาลากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อยื่นหนังสือให้กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้ได้รับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและได้มีทางออกให้กับผู้ชุมนุม ทั้งนี้ ล่าสุด นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เข้ามาพบปะกับชาวบ้านโดยได้ รับปากว่าจะสั่งการระงับการขุดหลุมศพ และจะมีการจัดตั้งสุสานสาธารณะ ให้กับหมู่บ้าน ทางผู้ชุมนุมจึงได้แยกย้าย