การเดินทางออกนอกประเทศของ ทักษิณ ชินวัตร ก่อนวันพิพากษาคดีสำคัญในวันที่ 9 กันยายน กำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่สั่นสะเทือนโครงสร้างอำนาจทาง "การเมือง"ไทย คำถามใหญ่ที่สังคมเฝ้าจับตาคือ “ทักษิณจะกลับมาฟังคำพิพากษาหรือไม่” เพราะคำตอบครั้งนี้ไม่ได้สะท้อนเพียงชะตากรรมของทักษิณ แต่ยังหมายถึงอนาคตของพรรคเพื่อไทย ความมั่นคงของเครือข่ายทุน และเส้นทางการเมืองของ แพทองธาร ชินวัตร
จตุพร พรหมพันธุ์ วิเคราะห์ว่า การเดินทางไปดูไบครั้งนี้ไม่ใช่เรื่อง “ไปหาหมอ” หรือ “ไปพบเพื่อน” อย่างที่กล่าวอ้าง แต่เป็นการ เตรียมตัวอยู่ยาว สังเกตได้จากการจัดทีมผู้ติดตาม รปภ. และพ่อครัวเดินทางไปด้วย เขาตั้งคำถามสำคัญว่า “ถ้าจะกลับมาฟังคำพิพากษา จะรีบไปดูไบทำไม” และชี้ว่าหากคำตัดสินออกมาไม่เป็นใจ การอยู่ต่างประเทศต่อไปคือทางเลือกที่เตรียมไว้แล้ว การไม่กลับมาครั้งนี้จะกระทบหนักในสามด้าน คือสูญเสียความชอบธรรมทางการเมือง เพราะครั้งนี้ต่างจาก 17 ปีก่อนที่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม เสี่ยงถูกออกหมายจับอินเตอร์โพล และทำให้พรรคเพื่อไทยสั่นคลอนเพราะจะขาดศูนย์รวมอำนาจและไร้ผู้นำที่เข้มแข็ง (|เรื่องใหญ่รายวัน/5ก.ย.68/one31)
ในอีกมุมหนึ่ง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มองต่างออกไป เธอเชื่อว่าทักษิณ ไม่น่าจะหนี เพราะเดิมพันครั้งนี้คือ “ลูกสาว” เธอย้ำว่าทักษิณเป็นคนรักครอบครัวและไม่น่าจะทำอะไรที่ทำให้แพทองธารตกอยู่ในอันตราย เนื่องจากมีคดีอาญาหลายคดีที่อาจถูกหยิบมาเร่งรัดหากเขาหลบหนี การติดคุก 1-2 วันก่อนออกมาติดกำไล EM อยู่บ้านยังคุ้มค่ากว่าการหนี เพราะอย่างน้อยจะรักษาภาพลักษณ์ “สู้เพื่อลูก” และคงเสถียรภาพของพรรคเพื่อไทยได้ (มีเรื่องLIVE/7ก.ย.68/Jomquan)
ด้าน ทวี สุรฤทธิกุล ชี้ว่าการเดินทางไปดูไบครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการวางแผนหลายชั้นที่ซับซ้อนกว่าที่เห็น เหตุผลหลักมีสามประการ ได้แก่ การหนีคดีเพื่อหลีกเลี่ยงคำพิพากษาที่ไม่เป็นใจ การปรับเกมการเมืองใหม่หลังเพลี่ยงพล้ำติดต่อกันหลายเดือน และการจัดการทรัพย์สินเพื่อป้องกันการถูกยึด มีข้อมูลว่าทักษิณเร่ง แปลงทรัพย์เป็นเงินคริปโต เพื่อซ่อนทรัพย์และหลีกเลี่ยงการติดตาม นอกจากนี้ยังมีคดีที่อาจตามเล่นงานแพทองธารในอนาคตมากถึงสี่คดี ซึ่งอาจนำไปสู่การยึดทรัพย์ในตระกูล นี่คือแรงกดดันที่ผลักดันให้ทักษิณต้องขยับหมากสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ทวีสุรฤทธิ์ไม่ได้มองว่านี่คือ “การปิดฉาก” ของทักษิณ เขาเชื่อว่าทักษิณยังต้องการ ฟื้นฟูและสืบทอดอำนาจ พรรคเพื่อไทยยังเป็น “ร่างกายทางการเมือง” ของเขา ตราบใดที่เขายังมีบทบาท พรรคก็ยังไม่ “แพแตก” และอาจถูก “ปั้น” ให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้งเหมือนที่เคยทำกับพรรคพลังประชาชน ทักษิณยังคงใช้ กลยุทธ์บ้านใหญ่ ดึงผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นเข้ามาหนุน โดยอาศัยการเจรจาผลประโยชน์กับเครือข่ายทุนพลังงาน ธุรกิจข้ามชาติ และกลุ่มการเงินระดับสูง เพื่อสร้างความมั่นใจว่ายังสามารถกลับมาใช้อำนาจสนับสนุนเครือข่ายได้ (สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ /6 ก.ย.68/siamrathonline)
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า “การติดคุก” หรือ “การหนี” ไม่ได้เป็นเพียงการตัดสินใจส่วนตัวของทักษิณ แต่คือ เกมซ้อนเกม ที่โยงชะตากรรมครอบครัว เขย่าอำนาจทางการเมือง และเกี่ยวพันเครือข่ายผลประโยชน์มหาศาล หากเขากลับมาฟังคำพิพากษา แม้ต้องเผชิญการจำกัดเสรีภาพในช่วงแรก แต่จะสร้างภาพลักษณ์ “สู้เพื่อลูก” และรักษาการคุมเกมพรรคไว้ได้บางส่วน หากเลือกอยู่ต่างประเทศ เขาอาจเสียพื้นที่อำนาจในประเทศ แต่ยังสามารถกำหนดยุทธศาสตร์จากระยะไกล และใช้เวลาในการจัดโครงสร้างฐานทุนและเครือข่ายการเมืองใหม่
ไม่ว่าทักษิณจะเลือกเส้นทางใด หลังวันที่ 9 กันยายน การเมืองไทยจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะนี่คือ เดิมพันครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตทักษิณ และเป็น จุดหักเหสำคัญของสมการอำนาจไทย
#ทักษิณ #เพื่อไทย #แพทองธาร #คดีทักษิณ #การเมืองไทย #เกมอำนาจ #ติดคุกเพื่อลูก #9กันยายน #ข่าวการเมือง #ThailandPolitics