วันที่ 6 ก.ย.2568 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงาน FutureEd Fest 2025 ภายใต้ธีมงาน The Future of Learning A1-Driven, Human-Centered, and Equitable for All" โดยมี นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมเสวนาในหัวข้อ From Schooling to Learning โรงเรียนต้องเปลี่ยนอย่างไรในโลกแห่งความไม่แน่นอน และร่วมงานมอบรางวัลการแข่งขัน Pitching งาน FutureEd Fest 2025 โดยมูลนิธิ Starfish Education ณ ไปรษณีย์กลางบางรัก เขตบางรัก

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า การศึกษาคือหนึ่งในเรื่องสำคัญที่สุด กทม. ไม่ได้มีเพียงบทบาทแก้ปัญหาขยะ ฝุ่น PM2.5 และการจราจรเท่านั้น หนึ่งในหน้าที่สำคัญคือขับเคลื่อนด้านการศึกษา FutureEd ตามชื่องาน คือการศึกษาในอนาคตที่เป็นเหมือนตัวกำหนดอนาคตของเมืองหรือประเทศด้วย เพราะหากการศึกษาไม่ดี เด็กคุณภาพไม่ดี ก็ยากที่จะพัฒนาเมืองไปข้างหน้าได้

การศึกษายุคใหม่มีความซับซ้อนมากขึ้นจากการเติบโตของเทคโนโลยี แต่ต้องตั้งคำถามด้วยว่าความก้าวหน้านี้ทำให้การศึกษาดีขึ้นหรือไม่ โดยเฉพาะ AI ซึ่งไม่ควรเป็นเพียง Artificial Intelligence แต่ต้องมองให้เป็น IA คือ Intelligent Assistant ที่ช่วยสนับสนุนการเรียนรู้และการคิดของเด็ก ขณะเดียวกัน เด็กยังคงต้องมีพื้นฐานความรู้ และทักษะการคิด เพื่อใช้เทคโนโลยีได้อย่างสมดุล หากประเทศใดละเลยการศึกษา ประเทศนั้นก็ยากที่จะเจริญก้าวหน้า ดังนั้นประเทศไทยต้องเร่งลงทุนและลงมือทำให้การศึกษาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

ด้าน รองผู้ว่าฯ ศานนท์ ซึ่งร่วมเสวนาบนเวทีในหัวข้อ From Schooling to Learning โรงเรียนต้องเปลี่ยนอย่างไรในโลกแห่งความไม่แน่นอน โดยกล่าวว่า หัวใจมาจากประโยคที่ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ให้ไว้ตั้งแต่วันแรกที่เราทําเรื่องการศึกษาก็คือ Education ไม่เท่ากับ Learning เพราะความหมายของ Education คือมีคนมาทำให้เรา แต่ Learning คือเราทำให้ตัวเราเอง จะทำอย่างไรให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ที่เด็กทุกคนอยากเรียนรู้และจัดการศึกษาของตนเอง การจะเปลี่ยนแปลงนั้น จึงไม่สามารถใช้ภาครัฐคนเดียวได้ แต่เป็นแบบงานวันนี้คือรวมภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องมาช่วยกัน เพื่อทำลายกำแพงความท้าทาย 4 ข้อ คือ 1.กรุงเทพฯ เด็กหลุดออกจากนอกระบบเยอะที่สุดในประเทศ คือ 130,000 คน 20% คือเด็กเล็ก 2.เด็กเกิดน้อยลง 3.เรามีชนชั้นแรงงานมากขึ้นจากประเทศอื่น และ 4.เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นทุกวัน

รูปแบบโรงเรียนที่เอื้อต่อการเรียนรู้และเปิดให้มีทักษะสู่อนาคต สำหรับโรงเรียนสังกัด กทม. ที่เดินหน้าตามนโยบาย อย่างแรกคือทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยของครู เช่น ยกเลิกการอยู่เวรและลดภาระเอกสาร สำหรับพื้นที่ปลอดภัยเด็ก คือทำให้เด็กรู้สึกมีความสุขอยากมาเรียน ลดระเบียบทรงผม การแต่งกาย อย่างที่สองคือเน้นเรื่องการสอนทักษะมากกว่าความรู้ เพราะความรู้มีอยู่ทั่วไป แต่เด็กต้องมีทักษะในการค้นหา รู้จักตั้งคำถาม ไม่ใช่รอความรู้จากครูอย่างเดียว