วันที่ 6 ก.ย. 68 ที่พรรคภูมิใจไทย นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโควตาเก้าอี้รัฐมนตรี ในสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ว่า ทางพรรคภูมิใจไทยได้มอบหมายให้พรรคพลังประชารัฐ ทั้งหมด 4 ตำแหน่ง แบ่งเป็น รัฐมนตรีว่าการ 2 ตำแหน่ง และรัฐมนตรีช่วยว่าการ 2 ตำแหน่ง ส่วนจะมีตำแหน่งในกระทรวงฯ ใดบ้าง กำลังพูดคุยกันอยู่ ภายใน 1-2 วันนี้ คาดว่าจะนิ่ง
เมื่อถามว่า กระทรวงกลาโหม คือสัดส่วนของพรรคพรรคประชารัฐ หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ก็กำลังพูดคุยกันอยู่ เพราะถ้าเป็นกระทรวงสำคัญ กระทรวงใหญ่ บางทีก็ต้องดูให้ละเอียด
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีใน ครม. ชุดนี้ด้วยหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ต้องไปพูดคุยกันก่อน
เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประวิตร มีแนวโน้มจะเข้ามารับตำแหน่งหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ต้องไปพูดคุยกันในพรรคอีกครั้งหนึ่งก่อน ซึ่งพอเรารู้ว่าได้ตำแหน่งเท่าไหร่ ได้กระทรวงอะไร ก็ต้องดูคน และดูอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง
เมื่อถามย้ำว่า 4 ตำแหน่ง ได้ชื่อกระทรวงแล้วหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า เป็นกระทรวงอะไร ก็คงต้องไปพูดคุยกัน
เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังติดเงื่อนไข หรือการเจรจาอะไรยังไม่ลงตัวหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า มันก็ไม่มีอะไร
เมื่อถามว่า นายสันติ จะได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข ใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ต้องรอ 1-2 วันนี้ให้นิ่งก่อน คือ ใครจะให้หรือทำอะไร ต้องมีการประชุม และพูดคุยกัน ทั้งในพรรคและส่วนกลาง ต้องดูให้ตกผลึก
เมื่อถามว่า ในเรื่องของตัวบุคคลของพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ นายสันติ กล่าวยืนยันว่า ไม่มี เพราะพรรคของเรามีความเป็นอันเดียวกันอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงระยะเวลาการทำงานของรัฐบาลในระยะเวลา 4 เดือน อะไรคือโจทย์ใหญ่ นายสันติ กล่าวว่า ระยะเวลา 4 เดือน ก็ถือว่าเป็นเงื่อนไข ถ้าเรารู้ว่ามีเวลา 4 เดือน หากได้รับการโปรดเกล้าฯ เรียบร้อย ได้เข้าทำงาน ทุกคนเป็นรัฐมนตรี ก็จะต้องเร่งรัดในการทำงาน เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน เพราะขณะนี้ พวกเราก็รู้กันอยู่แล้วว่า เศรษฐกิจของประเทศและของโลก โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนชาวไร่ ชาวนา เกษตรกร ก็กำลังลำบากอยู่ ถึงแม้จะเป็น 4 เดือน ก็จะต้องเร่งรัดในการทำงานลงไปดูประชาชน ให้มีความแข็งแรงขึ้นมา
เมื่อถามว่า การทำงานในระยะเวลา 4 เดือน จะมีอะไรที่จะเข้ามาบีบคั้น และอะไรจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด นายสันติ กล่าวว่า พอเรารู้เวลาโดยประมาณว่า 4 เดือน เราก็ต้องหยิบประเด็นสำคัญในความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจ การสร้างงานสร้างอาชีพ เพื่อแก้ไขปัญหารากหญ้า เพราะหากแก้ไขปัญหารากหญ้าได้ เพราะคนรากหญ้ามีตั้ง 50-60 ล้านคน ก็จะทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย เศรษฐกิจข้างบนก็เดินได้ จะเป็นวงกลม ทำให้เกิดการพัฒนาเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่ง 4 เดือน จะบอกว่าช้าก็ถือว่าไม่ช้า จะบอกว่าเร็วก็ไม่เร็ว ซึ่งอยู่ที่รัฐมนตรีแต่ละคน ที่จะต้องทุ่มเทการทำงานแต่ละเรื่อง และเอาเรื่องสำคัญที่เป็นหัวใจ