เป็นช่วงเปลี่ยนมากลางศึกของกองทัพในการแต่งตั้งโยกย้ายในฐานชั้นนายพลแต่ เตรียมทหารรุ่น 24 ระลอก2 ยังคงรับไม้ต่อจากเพื่อนร่วมรุ่นผบ. เหล่าทัพชุดเดิม ขึ้นเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพชุดใหม่ ถึง 3 คนจากการเปลี่ยนแปลงผู้บัญชาการเหล่าทัพ 4 คนเนื่องจากเกษียณราชการ
โดยมีโดยคาดว่ามี “บิ๊กหนุ่ย” พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม แกนนำเตรียมทัน 24 จากสายบ้านป่ารอยต่อฯ ขึ้นเป็นปลัดกลาโหมต่อ จาก “บิ๊กหนุ่ม” พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ น้องรัก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เกษียณราชการหลังนั่งมา 3 ปี
และคาดว่า “บิ๊กหยอย” พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดแกนนำเตรียมทหาร 24 ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนใหม่แทน พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี เพื่อนร่วมรุ่นที่เกษียณราชการ
และคาดการณ์ว่า “บิ๊กเฟื่อง” พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ เตรียมทหารรุ่น 24 จะขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่
คงมีเพียง ผู้บัญชาการทหารอากาศคนใหม่ ที่ขึ้นมาไม่ใช่เตรียมทหารรุ่น 24 แต่คาดว่าเป็น “บิ๊กคิม” พล.อ.อ.เสกสรร คันธา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ เตรียมทหารรุ่น 26
ด้วยเพราะในกองทัพอากาศ “บิ๊กไก่” พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ และเพื่อนเตรียมทหาร 24 เกษียณราชการกันหมด ส่งไม้ต่อให้เตรียมทหารรุ่น 26
แต่สำหรับกองทัพจะมองไปที่กองทัพบก เป็นหลักเนื่องจากเป็นเหล่าทัพใหญ่และมีพลังอำนาจแฝง ในทางการเมือง
โดยยังมี “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ นั่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก ต่อเป็นปีที่ 2 และมีอายุราชการถึงตุลาคม 2570 นั่งยาวถึง 3 ปี
และถือเป็นการจัดโผทหารครั้งใหญ่ครั้งแรกของพลเอกพนา หลังจากนั่งเป็นผบทบ. มา 1 ปีซึ่งเป็นจังหวะที่เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 26 ขึ้นมาจอในทุกตำแหน่ง
พล.อ.พนา เป็นคนที่รักเพื่อนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงให้ความสำคัญกับการดึงและดันเพื่อนร่วมรุ่นลงในตำแหน่งสำคัญ เพื่อเป็นทีมเวิร์คในการทำงานที่สามารถไว้วางใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
โดยใน 5 เสือกองทัพบก จัดเตรียมทหารรุ่น 26 ถึง 3 คน คือ “บิ๊กรุ่ง” พล.อ.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ ผช.ผบ.ทบ. เพื่อนรัก ขยับ ขึ้นเป็น รอง ผบ.ทบ. ครองอัตรา “พลเอกพิเศษ” ก่อนเกษียณ ตค.2569
ที่สำคัญ คือ ขยับ “รองปูด้วง” พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ.ทบ. เพื่อนซี้ คู่คิด ตท.26 ขึ้นเป็น พลเอก เสธ.ทบ. ที่จะควบเก้าอี้ เลขาธิการกองอำนายการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) คุมสวนรื่นฤดี อีกด้วย
แต่ที่น่าจับตามองมากที่สุดคือการดัน “ผบ.เต้" พล.ท.ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ เพื่อน ตท.26 สายรบพิเศษหมวกแดง ขึ้นมา เป็น พลเอก ผช.ผบ.ทบ. เนื่องจาก พล.ท.ณรงค์ฤทธิ์ มีอายุราชการถึงตุลาคม 2571 และ มีกระแสข่าวจากในเพื่อนร่วมรุ่น ว่าจะวางตัวเป็นผู้บัญชาการทหารบกคนต่อจาก พลเอกพนา เพราะถือว่าเป็นคนเก่งของรุ่น และสุดสมาร์ท ตามสไตล์ทหารรบ
ที่สำคัญ ยังสร้างผลงานในการสู้รบกับกัมพูชาในห้วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะการส่งกองพันจู่โจมเข้ายึดภูมะเขือและปักธงชาติไทยได้สำเร็จ
ดังนั้นจึงถือว่า พล.ท.ณรงค์ฤทธิ์ จะกลายเป็นแคนดิเดตชิงเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบก.กับ "แม่ทัพใหญ่" พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 รุ่นน้องตท.27 ที่คาดว่าโผนี้จะขึ้นมาเป็นพลเอก ผช.ผบ.ทบ. คู่กัน
ดังนั้นเส้นทางสู่เก้าอี้ผบ.ทบ ของ พล.ท.อมฤต จึงมิได้ราบรื่นเพราะ พล.ท.ณรงค์ฤทธิ์ ถือว่าเป็นคู่แข่ง สำคัญ และไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ที่จะถูกมองว่าเป็นแผนการสืบทอดอำนาจของเตรียมทหารรุ่น 26 และสกัดกั้น พลโท อมฤต ตท.27
และเป็นกลยุทธ์ที่เหนือชั้นเพราะรู้กันดีว่าพล.ท.อมฤต เป็นน้องรักของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี ที่หมายมั่นปั้นมือกันมาตั้งแต่ยังเป็นนายทหารเสือราชินีอยู่กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) มาด้วยกัน อีกทั้ง พล.ท.อมฤต ก็เติบโตมาในสายคอมแมนด์ เป็นทั้งผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรม ร.21 รอ. จนเป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่2 รักษาพระองค์( ผบ.พล.ร.2รอ.) และเป็นผู้บัญชาการกองกำลังบูรพาก่อนจะขึ้นเป็น รองแม่ทัพภาค1 และ แม่ทัพ น้อย 1 และขึ้นแม่ทัพภาค1 ในยุคที่ “บิ๊กต่อ” พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ น้องสายทหารเสือฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ เช่นกันเป็นผบ.ทบ.
ขณะที่ พล.ท.ณรงค์ฤทธิ์ ก็เป็นน้องรัก ของอดีตผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงคราม (ผบ.นสศ.) ที่เคยเป็นถึง ผบ.ทบ. ทั้ง “บิ๊กแอ้ด” พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ปัจจุบันเป็นประธานองคมนตรี “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุณยรัตกลิน อดีตหัวหน้า คมช. และ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี เรียกได้ว่าแบคอัพแข็งไม่แพ้กัน
ขณะที่ระดับแม่ทัพภาค ทั้งภาค2 ภาค3 ภาค4 และ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษคนใหม่ หรือเทียบเท่า แม่ทัพภาค5 ก็ล้วน แต่เป็นเตรียมทหารรุ่น 26 พร้อมกับดันเพื่อนร่วมรุ่น ตท.26 ระลอกสุดท้าย ขึ้นเป็นแคนดิเดต ชิงผบทบ. เพราะหากปล่อยให้ พล.ท.อมฤต ขึ้นเป็นผบ. ทบก็จะทำให้แผนการวางตัวคนคุมอำนาจเป็นผบทบ.ในอนาคตจะเปลี่ยน ไป
เกมชิงอำนาจในกองทัพบกนี้ จึงน่าจับตามองยิ่ง !