วันที่ 5 ก.ย.2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯที่มีนายไชยา พรหมมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม หลังจากเสนอให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายชัยเกษม นิติศิริ เป็นนายกฯต่อที่ประชุมแล้ว จากนั้นได้เปิดให้สมาชิกอภิปรายได้ 2 ชั่วโมง แบ่งกันฝ่ายละ 1 ชั่วโมง โดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายคัดค้านการที่พรรคประชาชนจะลงคะแนนสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี  เกรงว่าพฤติกรรมดังกล่าวขัดต่อหลักการของระบบรัฐสภาอย่างร้ายแรง และจะส่งผลเสียต่อประเทศชาติในระยะยาว การที่พรรคประชาชนประกาศว่าจะโหวตหนุนนายอนุทิน แต่จะไม่มีใครในพรรคเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นเงื่อนไขที่น่ากังวล การยอมให้พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นรัฐบาลแบบเบ็ดเสร็จ แต่กลับต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของพรรคประชาชนอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักการที่พรรคการเมืองต้องรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตนเอง การที่จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านไปพร้อมกับการเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาล โดยระบุว่าพฤติกรรมดังกล่าวทำให้บทบาทของพรรคคลุมเครือและไม่น่าเชื่อถือ หากพรรคประชาชนเป็นฝ่ายค้านจริง จะสามารถทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างไร โดยเฉพาะเมื่อต้องพิจารณากฎหมายสำคัญ หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เรื่องบารมีของนายอนุทิน ที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของหน่วยงานราชการและองค์กรอิสระ โดยยกตัวอย่างการเลื่อนคดีเขาโดดของการรถไฟฯ เพื่อรอรัฐมนตรีคนใหม่ และยังแสดงความกังวลว่าบารมีนี้อาจถูกนำไปใช้เพื่อช่วยเหลือผู้ที่พัวพันกับคดีความต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะคดีฮั้ว สว. ซึ่งจะทำให้ภาพลักษณ์ของนักการเมืองที่ตกต่ำอยู่แล้วยิ่งเสียหายมากขึ้น ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเดิมทีพรรคประชาชนเรียกร้องให้ยุบสภาทันที แต่กลับเปลี่ยนท่าทีเป็นให้เวลา 4 เดือนเพื่อทำประชามติ ซึ่งอาจถูกขัดขวางโดยพรรคภูมิใจไทยและ สว. ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงตามที่พรรคประชาชนเคยประกาศไว้

“การที่พรรคประชาชนตัดสินใจข้ามขั้วมาสนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยม จะทำให้ฝ่ายค้านอ่อนแอลง และไม่สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างเข้มแข็ง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อประชาธิปไตยในระยะยาวหากให้นายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจเพื่อยุบสภาโดยเร็ว จะช่วยลดความเสียหายต่อระบอบประชาธิปไตยได้มากกว่า”นายจาตุรนต์ กล่าว

ด้าน นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า มีข่าวลือหนาหูเหม็นคลุ้งในสภาฯถึงการจะมาเป็นนายกฯคนที่32 ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีการใช้เงิน 1,500-2,000ล้านบาท เป็นเรื่องไม่สบายใจ ที่นายกฯคนต่อไปจะถูกตราหน้าตามข่าวลือ นายอนุทินต้องเคลียร์เรื่องนี้ เริ่มจากพรรคเพื่อไทยหายไป 8คน ใครๆก็รู้ เป็นอะไรถึงไป อยากทราบว่า ตัวเลขจริงๆที่ไปรองรับให้นายอนุทินเป็นนายกฯ ใช้เท่าไร รับแรกสุด 10ล้าน โหวตวันนี้รับอีก10+10 รวมเป็น 30ล้าน จริงหรือไม่ พรรคการเมืองที่ไปสนับสนุนท่าน บางพรรคไม่เคยมีชื่อหาเสียงเลือกตั้ง แต่อยู่ๆมารวมตัวหนุนนายอนุทิน

ทำให้สส.ภูมิใจไทยประท้วงใส่ร้ายป้ายสี ให้หาหลักฐานมาพิสูจน์ ก่อนที่นายอดิศรจะอภิปรายต่อว่า อยากได้นายกฯใสสะอาด ขอให้ไปสาบานวัดพระแก้วว่า ไม่มีการสนับสนุนเงินต่างๆ ตนมาโดยบริสุทธิ์ ถ้าไม่บริสุทธิ์ให้มีอันเป็นไปใน 7วัน 9วัน เพราะหลักฐานพิสูจน์ไม่ได้ เมื่อเทียบชื่อเสียง นิ้วต่อนิ้ว เซ็นต่อเซ็นแล้ว นายอนุทินสู้นายชัยเกษมไม่ได้ พรรคที่ไปสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกฯต้องรับผิดชอบ หากมีการซื้อเสียงให้เป็นนายกฯ เท่ากับเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

“ส้มเท้งค้ำยันเขากระโดง ผูกโยงฮั้วสว.ไว้ปลายเสา ขัดสีฉวีวรรณให้มันเงา ย่องเบาอำนาจอธิปไตย นี่คือการย่องเบาอำนาจอธิปไตย ปล่อยให้คนแบบนี้เป็นนายกฯไม่ได้”นายอดิศร กล่าว