ดนตรี /ทิวา สาระจูฑะ
ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง มีการแบ่งแขนงย่อยออกมาอีก 9 สาขา หนึ่งในนั้นคือ เพลงไทยลูกทุ่ง
นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2528 ที่เริ่มโครงการศิลปินแห่งชาติ เพลงลูกทุ่งไทยมีศิลปินแห่งชาติที่เป็นนักแต่งเพลง 6 คน คือ ประยงค์ ชื่น เย็น, พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา, พยงค์ มุกดา, วิเชียร คำเจริญ (ลพ บุรีรัตน์), สลา คุณวุฒิ และ สมนึก ทองมา (ชลธี ธารทอง)
ส่วนที่เป็นนักร้องอีก 7 คน ได้แก่ ชัยชนะ บุญนะโชติ, สมเศียร พานทอง (ชายเมืองสิงห์), ไวพจน์ สกุลนี (ไวพจน์ เพชรสุพรรณ), สมเศียร พานทอง (ชายเมืองสิงห์), สมส่วน พรหมสว่าง (เพลิน พรหมแดน), ชิน ฝ้ายเทศ (ชินกร ไกรลาศ) และ ผ่องศรี วรนุช แต่นักร้องทั้งหมดนี้ก็แต่งเพลงเองด้วย ยกเว้นเพียง ผ่องศรี วรนุช
และนักร้องลูกทุ่งคนล่าสุดที่ได้รับการประกาศเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงลูกทุ่ง) ประจำปีพุทธศักราช 2567 ได้แก่ ประพัชศักดิ์ จันทร์เปล่ง หรือชื่อที่รู้จักกันมากกว่าคือ รุ่งเพชร แหลมสิงห์
ชื่อเดิมของ รุ่งเพชร คือ ยวน จันทร์เปล่ง เกิดในครอบครัวชาวประมงและตัดจาก-เย็บจาก ที่ตำบลบางกะบูน อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี มาเปลี่ยนเป็น วสันต์ จันทร์เปล่ง ตอนเข้าเรียนมัธยมที่ศึกษาปัญญา
ด้วยความรักในการร้องเพลงและน้ำเสียงไพเราะ รุ่งเพชร จึงกลายเป็นนักร้องประจำวงดนตรีของโรงเรียน ระหว่างที่เรียน เคยสมัครเข้าประกวดเป็นนักร้องในวงดนตรี มุกดาพันธุ์ ของ พยงค์ มุกดา และผ่านการคัดเลือกรอบสุดท้ายที่โรงหนังเฉลิมเกียรติ แต่สุดท้ายไม่ได้เข้าร่วมวง เพราะเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับการสอบเข้าเรียนนักเรียนนายสิบทหารบก สังกัดเหล่าแพทย์ และเมื่อจบออกมาก็ประจำอยู่หน่วยทหารเสนารักษ์ สังกัดกองพลที่ 1 รักษาพระองค์
ระหว่างที่เริ่มรับราชการ ความปรารถนาจะเป็นนักร้องอาชีพก็ไม่เหือดหายไป รุ่งเพชร เข้าสมัครเป็นนักร้องและผ่านการคัดเลือกเข้าสู่วงดนตรี รวมดาวกระจาย ของ สำเนียง ม่วงทอง ได้บันทึกแผ่นเสียงเพลงแรก ชื่อ "งามเหลือเกิน" ซึ่งเป็นที่มาของนามแฝงที่ใช้ในอาชีพว่า รุ่งเพชร แหลมสน แต่การพิมพ์ชื่อบนแผ่นเสียงเกิดผิดพลาด กลายเป็น รุ่งเพชร แหลมสิงห์ จึงใช้ชื่อนี้ตั้งแต่นั้นมา จนมีคนไม่น้อยนึกว่า รุ่งเพชร มาจากอำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี
การรับราชการทหารทำให้ไม่ค่อยได้ไปเดินสายกับวงสักเท่าไหร่ แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการบันทึกเสียง ช่วงแรกก่อนที่จะโด่งดังสุดๆ รุ่งเพชร มีเพลงที่ได้รับความนิยมขนาดย่อมๆคือ “น้ำใจทหารอาสา” จากการแต่งของ เมืองมนต์ สมบัติเจริญ และอีกร่วม 30 เพลงจากการแต่งของ รุ่งทิพย์ ธารทอง ซึ่งเป็นเพื่อนรักกัน
จนกระทั่งบรมครูนักแต่งเพลงลูกทุ่งไทย ไพบูลย์ บุตรขัน ได้ฟังเพลง “น้ำใจทหารอาสา” จากวิทยุแล้วชื่นชอบใจน้ำเสียง จึงไหว้วานให้ ไพรวัลย์ ลูกเพชร นักร้องดังชาวเพชรบุรีเช่นติดต่อ รุ่งเพชร ให้ไปพบ เมื่อได้พบกัน ครูไพบูลย์ ถึงกับบอกด้วยความมั่นใจว่า ถ้าแต่งให้ รุ่งเพชร ร้อง 3 เพลงแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ครูไพบูลย์ ก็จะเลิกแต่งเพลง
ฝีมือการแต่งเพลงของ ครูไพบูลย์ และฝีปากการร้องของ รุ่งเพชร ทำให้ 3 เพลงดังกล่าว - "ไอดินกลิ่นสาว", "ฝนเดือนหก" และ "คืนฝนตก" ได้รับความนิยมไปทั่วทุกหัวระแหง ยิ่งกว่านั้น เพลง “ฝนเดือนหก” ยังทำให้ รุ่งเพชร ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน ในปีพ.ศ. 2511 อีกด้วย
แต่ขณะที่โด่งดังสุดๆ เป็นช่วงจังหวะที่ รุ่งเพชร เตรียมจะบวชพอดี จึงมอบหมายให้ รุ่งทิพย์ ธารทอง ระดมนักร้อง-นักดนตรีเตรียมไว้เพื่อจัดตั้งวงดนตรี เมื่อลาสิกขาออกมาก็ตั้งวงเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2512 โดยมีงานจ้างรออยู่เต็มตลอด 2 ปี 6 เดือนที่ตามมา
วงดนตรี รุ่งเพชร แหลมสิงห์ อยู่มานานถึง 11 ปี ก่อนจะเลิกราไปในปีพ.ศ. 2523 ตามกระแสและธุรกิจดนตรีที่เปลี่ยนแปลงไป
รุ่งเพชร เคยให้สัมภาษณ์ว่า ร้องเพลงบันทึกเสียงไปแล้วประมาณ 1,000 เพลง หลายเพลงยังคงเป็นอมตะอยู่ในสังคมไทย ถูกนำมาบันทึกเสียงใหม่โดยศิลปินอื่นๆ และถูกใช้ในการประกวดร้องเพลง นับไม่ถ้วน เช่น “ฝนเดือนหก”, “คืนฝนตก”, “ไอดินกลิ่นสาว”, “น้ำลงเดือนยี่”, “หมอดูเนื้อคู่”, “ความรักเจ้าขา”, “สงกรานต์บ้านนา”, “ขนมจีนน้ำยา”, “แล้วแต่วาสนา” ฯลฯ
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าการมีเพลงฮิท การร้องของ รุ่งเพชร กลายเป็นต้นแบบมีอิทธิพลต่อสุ้มเสียงของศิลปินรุ่นน้องที่ตามมาไม่มากก็น้อย และหลายคนประสบความสำเร็จ เช่น ศรคีรี ศรีประจวบ, ระพินทร์ ภูไท, ชาตรี ศรีชล และอาจจะรวมถึง สายัณห์ สัญญา และ เสรี รุ่งสว่าง ด้วย
สิ่งที่นักร้องลูกทุ่งศิลปินแห่งชาติคนล่าสุดอย่าง รุ่งเพชร แหลมสิงห์ มีชีวิตที่มั่นคงในวัย 83 ปี อาจไม่ใช่แค่เสียงร้องที่ยอดเยี่ยมอย่างเดียว แต่เป็นการดำเนินชีวิตที่มีระเบียบ, เรียบง่าย ยึดถือธัมมะ และมีคติประจำใจที่เขายึดถือ 2 ประการ คือ ซื่อสัตย์ และ คิดก่อนทำ