ศบ.ทก.ประณามกัมพูชา ใช้พลเรือนยั่วยุ สร้างความตรึงเครียด เรียกร้องยุติการปลุกระดม จัดฉาก หวั่นเป็นอุปสรรค ประชุม GBC ที่จะมีขึ้น ขอประชาชนมั่นใจช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล หน่วยความมั่นคงยังทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง

ที่ทำเนียบ วันนี้  ( 5 ก.ย.)   พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านความมั่นคง    นางมาระตี นะลิตา อันดาโม โฆษก ศบ.ทก. ด้านต่างประเทศ  และ   น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันแถลงข่าว ความ คืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา 

โดย พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า สถานการณ์โดยทั่วไปทั้ง 2 ฝ่ายยังคงตรึงกำลังในที่ตั้ง ภาพรวมยังอยู่ในความเรียบร้อย ประชุม GBC   ส่วนการประชุม GBC ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 ถึง 10 กันยายนที่จะถึงนี้ที่จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา  การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามพันธะกรณี จากที่ก่อนหน้านี้มีการประชุมไปที่ประเทศมาเลเซีย โดยรายละเอียดต่างๆในเรื่องของวาระการประชุมนั้น  ต้องขึ้นอยู่กับสภาความมั่นคงแห่งชาติที่จะมีการจัดขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ 

ส่วนประชาชนได้แสดงความห่วงใยว่า  ศบ.ทก. จะมีหน้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างไรในช่วงเป็นเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ขอให้ความมั่นใจและความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าการปฎิบัติเรื่องความมั่นคงของชาติสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาและเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องมีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว ได้มีการมอบอำนาจให้กับผู้บังคับบัญชาหน่วยในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตลอดจนผู้บัญชาการเหล่าทัพ แม่ทัพภาค ผู้บัญชาการกองกำลังต่างๆ รวมทั้งผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ทั่วประเทศ สามารถดำเนินการได้ทางกฎหมาย โดยมีกฎหมายตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม   แม้ ศบ.ทก จะมีบทบาทที่น้อยลง แต่อยากให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่า การปฎิบัติของกระทรวงกลาโหม กองทัพ และหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มีกลไกลรองรับในทุกสถานการณ์

นางมาระตี  แถลงว่าการใช้พลเรือนสร้างความวุ่นวาย ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อวานนี้ ในการประท้วงของชาวกัมพูชา บ้านหนองจานจังหวัดสระแก้ว  ซึ่งกองทัพบกได้ออกมาชี้แจงด้วยแล้ว  ต่อมากระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์   ประท้วงรัฐบาลไทย   ซึ่งสมเด็จฮุนเซนต์ประธานวุฒิสภากัมพูชาก็ได้นำข้อความไปโพสบนโซเชียล มีเดีย โดยอ้างว่าการดำเนินการของฝ่ายไทยสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชุมชนชาวกัมพูชาในพื้นที่  ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นพื้นที่ที่อยู่ฝั่งไทย   และกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ตอบโต้ชี้แจงเรื่องนี้แล้ว 

พร้อมย้ำว่ามาตรการต่างๆของทางหน่วยราชการไทย อยู่ในเขตอธิปไตยของไทยอย่างสมบูรณ์ ดำเนินการตามกฏหมายไทย ที่สอดคล้องกับหลักการสากล   และหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่   อีกทั้งกระบวนการทุกขั้นตอนกระทำอย่างรอบคอบผ่านการพิจารณาของ ศบ.ทอ.  และความเห็นชอบของสภาความมั่นคงแห่งชาติ   แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือฝ่ายกัมพูชายังคงเบี่ยงเบนประเด็นด้วยการกล่าวอ้างสิทธิ์  ว่าประชาชนอยู่ในพื้นที่มายาวนาน โดยไม่เคารพต่อข้อตกลงและพันธกรณีระหว่างประเทศใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะข้อเท็จจริงว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นดินแดนและเขตแดนอธิปไตยของไทย  กัมพูชาได้นำพลเรือนออกมาอยู่แนวหน้า  โดยบางส่วนได้ถืออาวุธ   พร้อมใช้ถ้อยคำยั่วยุและพยายามขับไล่ทหารไทยที่กำลังรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่  ดังนั้นการดำเนินการของทหารไทยทั้งหมดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของไทยในการปกป้องอธิปไตย  ถือได้ว่ากัมพูชาไม่เคารพข้อตกลงหยุดยิง และกรอบการหารือของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC และ RBC ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่สร้างสรร  และยังบั่นทอนบรรยากาศแห่งสันติภาพอย่างร้ายแรง  


“ไทยขอประนามพฤติกรรมทั้งหมด ขอย้ำอย่างชัดเจนรัฐบาลไทยไม่มีนโยบายทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์  ดังที่กัมพูชากระทำอยู่   และกองทัพไทยยังคงตรึงกำลังอย่างอดทนอดกลั้น    ปฏิบัติตามมาตรการที่ได้เตรียมไว้   โดยไทยพร้อมแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี   เพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลาย    และพร้อมปกป้องอธิปไตยไทยบนพื้นฐานข้อเท็จจริงของกฎหมายระหว่างประเทศ   ไทยขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติการปลุกระดม  และการจัดฉากทั้งปวง  ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญ ต่อการคลี่คลายสถานการณ์ที่ยังมีความตึงเครียดในขณะนี้ และการสร้างสันติภาพที่แท้จริง   และหวังว่า กัมพูชาเลือกเส้นทางที่จริงใจ และมีความรับผิดชอบต่อไป เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมั่นคงยั่งยืน” นางมาระตีกล่าว 


นางมาระตี  ยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประชุม GBC   ที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า  ฝ่ายกัมพูชาจะแสดงความจริงใจและความตั้งใจ ที่จะพูดคุยแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี 


ขณะที่นางสาวศศิกานต์  แถลงว่า รัฐบาลขอยืนยันว่าแม้จะอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง  แต่การดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาจะดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องทุกกระทรวง ทบวง กรม  ได้ทำงานประสานอย่างใกล้ชิด  พร้อมจัดสรรงบประมาณเพื่อเยียวยาผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบทุกคน    รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของชาติ   แม้จะเป็นช่วงรอยต่อทางการเมืองของรัฐบาล    ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าการช่วยเหลือและการเยียวยาจะไม่สะดุด รัฐบาลจะเดินหน้าภารกิจเพื่อปกป้องดูแลและฟื้นฟูจนกว่าประชาชนทุกคนจะกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย 100% โดยรัฐบาลขอให้ภาคธุรกิจ นักลงทุนมั่นใจได้ว่า    ระบบการทำงานของรัฐยังคงดำเนินการต่อไปตามปกติทางเศรษฐกิจ สังคม    และความมั่นคงสำหรับประชาคมระหว่างประเทศ   และรัฐบาลขอยืนยันว่าจะทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความรักชาติและพลังสามัคคีของคนไทย   คือพลังอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้ประเทศฝ่าฟันทุกวิกฤติไปได้