การเมืองไทยเต็มไปด้วยเรื่องราวการหักหลังและการเปลี่ยนขั้วที่พลิกผันตลอดเวลา หนึ่งในเหตุการณ์ที่ยังคงถูกพูดถึงไม่เสื่อมคลายคือความสัมพันธ์ระหว่าง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับ เนวิน ชิดชอบ อดีตมือขวาคนสำคัญที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับความไว้วางใจสูงสุดจากทักษิณ
เนวินในยุคพรรคไทยรักไทยถูกมองว่าเป็น “ขุนพลแก้ว” ผู้พร้อมเคียงข้างนายใหญ่ทั้งในสภาและบนท้องถนน โดยเฉพาะในช่วงที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลในปี 2549 เขาคือกำแพงด่านแรกที่ยืนหยัดปกป้องจนได้รับการยอมรับในฐานะนักการเมืองที่ซื่อสัตย์ต่อผู้นำ
แต่หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 พรรคไทยรักไทยถูกยุบ ทำให้นักการเมืองในเครือข่ายต้องแยกย้ายกันไปอยู่พรรคอื่น เนวินและพรรคพวกเข้าสังกัดพรรคพลังประชาชน และสามารถกลับมาตั้งรัฐบาลได้สำเร็จภายใต้การนำของสมัคร สุนทรเวช และสมชาย วงศ์สวัสดิ์
จนมาถึงช่วงปลายปี 2551 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคพลังประชาชนอีกครั้ง และนี่คือจุดแตกหักที่กลายเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทักษิณที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศพยายามติดต่อเนวินเพื่อขอแรงสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาลใหม่
ทว่า สิ่งที่ได้รับคือคำตอบสั้น ๆ ที่กลายเป็นวลีอมตะ “มันจบแล้วครับนาย” คำพูดนี้ไม่เพียงตัดสะบั้นความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งใหญ่ เมื่อเนวินหันไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ เปิดทางให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในที่สุด
หลังจากนั้นเนวินค่อย ๆ ถอยออกจากการเมืองในบทบาท ส.ส. และหันไปสร้างอาณาจักรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่เครือข่ายทางการเมืองไม่ได้สลายไปไหน หากยังคงตกทอดและกลายเป็นรากฐานของ พรรคภูมิใจไทย ที่มี อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรคในปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลชินวัตรกับเครือข่ายเนวินแม้ดูเงียบลง แต่แท้จริงแล้วยังคงซ่อนความบาดหมางรอวันปะทุ
กระทั่งเดือนมิถุนายน 2568 เหตุการณ์ที่คล้ายกับปี 2551 ก็กลับมาสะเทือนการเมืองอีกครั้ง เมื่อพรรคภูมิใจไทยที่ถูกกดดันจากทักษิณให้คืนเก้าอี้รัฐมนตรีมหาดไทยแก่พรรคเพื่อไทย ได้ประกาศถอนตัวจากรัฐบาลที่นำโดยแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยอ้างเหตุผลจากคลิปเสียงการเจรจาลับกับสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งถูกมองว่าเป็นการกระทบต่ออธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ
รัฐมนตรีภูมิใจไทยทุกคนประกาศลาออกพร้อมกัน ทำให้รัฐบาลเพื่อไทยเสียสมดุลทางการเมืองทันที สถานการณ์นี้จึงถูกเปรียบเปรยว่าเป็น “มันจบแล้วครับนาย ภาคสอง” ที่หวนกลับมาทิ่มแทงตระกูลชินวัตรอีกครั้ง
ไม่เพียงถอนตัวเท่านั้น หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้แพทองธารพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยยังเดินหน้าเต็มกำลังในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยมีพรรคประชาชนที่นำโดยณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิเป็นตัวแปรสำคัญ ได้ตัดสินใจสนับสนุนอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ภายใต้เงื่อนไขต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน และจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดยการเลือกตั้ง สสร. อนุทินตอบตกลงทันที ถือเป็นการเดินหมากกล้าเพื่อแลกกับเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
ขณะที่พรรคเพื่อไทยเองก็พยายามเสนอชื่อชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดต และเจรจาขอแรงสนับสนุนจากพรรคประชาชน แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย สุดท้ายพรรคเพื่อไทยประกาศยุบสภาเพื่อรีเซ็ตการเมือง แต่กลับมีกระแสข่าวว่าสำนักงานองคมนตรีตีกลับร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภา ทำให้สถานการณ์ซับซ้อนยิ่งขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นจึงสะท้อนว่าแผลเก่าไม่เคยหาย และมรดกทางการเมืองของเนวินยังคงทรงพลัง แม้เจ้าตัวจะไม่ได้ลงสนามการเมืองโดยตรง แต่พรรคภูมิใจไทยในยุคอนุทินก็ยังคงสืบทอดแนวทางเดิมอย่างชัดเจน
วลี “มันจบแล้วครับนาย” จึงไม่ใช่เพียงเรื่องเล่าในอดีต แต่กลับมาเป็นสัญลักษณ์อีกครั้งในปี 2568 เพื่อบอกว่าการเมืองไทยยังอยู่ในวังวนการหักหลังและการเปลี่ยนขั้วที่ไม่สิ้นสุด
ความแค้นฝังหุ่นระหว่างตระกูลชินวัตรกับเครือข่ายเนวินจึงยังไม่ปิดฉาก และการเมืองไทยในปัจจุบันอาจถูกจารึกว่าเป็น “เนวินขยี้ทักษิณภาค 2” ที่เจ็บแสบยิ่งกว่าครั้งแรก เพราะครั้งนี้ไม่เพียงทำลายผู้นำ หากแต่ยังสกัดกั้นเส้นทางสืบทอดอำนาจของตระกูลชินวัตรอย่างชัดเจน
บทเรียนจากอดีตหวนกลับมาอีกครั้ง และไม่มีใครตอบได้ว่าบทต่อไปของการเมืองไทยจะจบลงอย่างไร
#เนวิน #ทักษิณ #แพทองธาร #ภูมิใจไทย #พรรคเพื่อไทย #มันจบแล้วครับนาย #ข่าวการเมืองล่าสุด