ก่อนอื่นขออนุญาตเล่าถึงเหตุการณ์สั้นๆในช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่น มีนักข่าวต่างประเทศคนหนึ่งทำการสัมภาษณ์ทหารหนุ่มไว้ว่า "คุณคิดว่าจีนจะชนะไหม?" เขาตอบว่า "จีนต้องชนะแน่นอน" นักข่าวถามอีกว่า "เมื่อจีนชนะแล้ว คุณคิดจะทำอะไรต่อในอนาคต? แต่งงานมีลูก? หรือยังคงเป็นทหารต่อไป?" ทหารหนุ่มยิ้มแล้วตอบว่า "ตอนนั้นฉันคงไม่อยู่แล้ว พวกเราส่วนใหญ่จะต้องพลีชีพในสงครามครั้งนี้" 

เรื่องราวนี้มาจากหนังสือ "Red Star Over China" (ดาวแดงเหนือแผ่นดินจีน) ที่ตีพิมพ์โดย เอ็ดการ์ สโนว์ ต่อมาได้รวมอยู่ใน "รวมผลงานแปลของหู ยฺวี่จือ" ที่ตีพิมพ์ในปลายทศวรรษ 1990 ทหารหนุ่มนามว่า หลิว คือภาพตัวแทนของทหารนับหมื่นพันที่ต่อสู้กับผู้รุกรานฟาสซิสต์ญี่ปุ่นในขณะนั้น 

เมื่อได้เห็นภาพขบวนพาเหรดและขบวนยุทโธปกรณ์ทางทหารขนาดใหญ่ในปักกิ่ง ทำให้นึกถึงจ้าว อี้หม่าน, หยาง จิ่งหยี่, ถง หลินเก๋า, จ้าว เถิงหยี่...... วีรชนที่มีชื่อและไร้ชื่อนับไม่ถ้วนที่ยืนหยัดในสงครามชื่อเหล่านี้ได้ลอยขึ้นมาในหัว รู้สึกสะเทือนใจถึงความยากลำบากและความเสียสละที่บรรพบุรุษต้องเผชิญ บางครั้งก็ยากที่จะควบคุมอามรมณ์ตนเอง ทหาร "จีน" คนนี้ก็เป็นภาพสะท้อนของประชาชนหลายร้อยล้านคนในยุคสมัยนั้นที่ยอมสละชีพแต่ก็ไม่ยอมแพ้ 

เมื่อไตร่ตรองลึกซึ้งยิ่งขึ้น จึงตั้งคำถามขึ้นมาว่าทำไม“จิตวิญญาณความกล้าหาญและมุ่งมั่นที่จะชนะแม้ต้องพลีชีพ” ที่เรื่องราวนี้สื่อออกมา ถึงสามารถทะลุผ่านม่านหมอกของประวัติศาสตร์และมีอืธิพลต่อความรู้สึกขนาดนี้

ในขณะนั้น สโนว์ ได้ค้นพบว่า "นี่สะท้อนถึงปรัชญามิติใหม่ของจีน" -- "การเข้าร่วมกองทัพเพื่อสละชีพในสงครามหรือได้รับการข่มขี่" และคิดว่าผู้บุกรุกที่เป็นคนเริ่มสงครามคิดผิดที่ "เชื่อมั่นอย่างแน่นแฟ้นว่าทหารจีนอย่าง หลิว ยังไม่ถือกำเนิด" 

สโนว์ ได้ตั้งคำถามเพิ่มเติมว่า ทำไมจีนในขณะนั้นจึงแตกต่างจากอดีต ทำไมทุกคนไม่เกรงกลัวความตาย?

จากความพ่ายแพ้ในสงคราม Jiawu (1894) ถึงชัยชนะในสงครามต่อต้านญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์ได้ก้าวผ่านไปครึ่งศตวรรษ จีนในขณะนั้นยังคงยากจนและอ่อนแอ ทำไมจึงสามารถพิชิตผู้รุกรานที่เก่งกาจได้และรับชัยชนะครั้งแรกนับตั้งแต่สมัยใหม่ในการรุกรานจากต่างชาติ? 

"พรรคคอมมิวนิสต์จีนเกิดขึ้นตามสถานการณ์" ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มองว่า "ตั้งแต่นั้นมา ประชาชนจีนเริ่มเปลี่ยนจากผู้ถูกบังคับเป็นผู้ริเริ่มในแง่ของจิตวิญญาณ " คำพูดนี้กลายเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในการถอดรหัสจีน 

ตั้งแต่ เหตุการณ์ 18 กันยายน พรรคคอมมิวนิสต์จีนชูธงต่อต้านการรุกรานจากญี่ปุ่นก่อน รวบรวมพลังภายในประเทศ ปฏิเสธการประนีประนอมและการยอมจำนน, และในที่สุดก็สร้างฐานจิตวิญญาณในการต่อสู้ที่เป็นหนึ่งเดียวกันให้กับประชากรทั้งชาติ ภายใต้ธงนี้ ไม่แบ่งแยกเหนือใต้ ไม่แบ่งแยกอายุ ประชาชนทั้งหมดสัญญาจะสู้รบกับผู้รุกรานจนถึงที่สุด

ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนคือเสาหลักที่เชื่อถือได้มากที่สุดของประชาชนทั้งหมดเมื่อเผชิญกับพายุฝน ภายใต้การนำของพรรค ประชาชนจีนได้ระดมพลสร้างความสามัคคี ได้ปลดปล่อยจารีตแห่งชาติแห่งการยอมสละเพื่อความถูกต้อง เปล่งพลังอันยิ่งใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงฟ้าดิน และมุ่งมั่นเพื่อบรรลุเป้าหมาย ปลดปล่อยความอิสระให้กับประชาชน เดินหน้าเพื่อความเจริญของชาติ

ในทุกช่วงเวลาของประวัติศาสตร์ จาก เฉียน เสฺว๋เซิน, เติ้ง เจี้ยเซียน ถึง หวง ต้าเหนียน, หวง เหวินซิ่ว...... ทหาร "จีน" นับไม่ถ้วนที่ยึดมั่นในความยุติธรรมแห่งบ้านเมือง, เชื่อมั่นในชัยชนะ, เสียสละตนเพื่อส่วนรวม, เสียสละครอบครัวเล็ก เพื่อครอบครัวใหญ่ จึงทำให้จีนสามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงจนถึงทุกวันนี้ และมีอนาคตอีกยาวไกล จากนี้จึงเข้าใจมากขึ้นว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงถึงเน้นย้ำว่า "ประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยประชาชน ความสำเร็จทั้งหมดเป็นของประชาชน” 

เมื่อบทความยาวใกล้จบ ได้ยินเสียงเครื่องบินบินผ่านท้องฟ้าอย่างทรงพลัง เมื่อเงยหน้าเห็นขบวนทหารอากาศกำลังบินผ่านอย่างเป็นระเบียบ ในงานฉลองวันแห่งชัยชนะ 3 กันยายน ทำให้รู้ซึ้งถึงยุครุ่งเรืองนี้ เป็นไปตามที่บรรพบุรุษจีนปรารถนาไว้ การปลอบใจที่ดีที่สุดแก่วีรชนเหล่านั้น คือสานต่อผลงานที่พวกเขาเสียสละเพื่อมัน และทำให้วิสัยทัศน์ที่พวกเขาหวังไว้ให้เป็นจริง

ผู้เขียน Old td