ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศไทย หลังจากหลบหนีคดีในต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2551

วันดังกล่าวเป็นวันเดียวกับที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติโหวตเลือก เศรษฐา ทวีสิน ให้เป็น นายกรัฐมนตรีคนที่ 30

วันที่ 5 กันยายน 2568 ทักษิณ ได้เดินทางไปที่ ดูไบ โดยอ้างว่าตั้งใจจะบินไปพบแพทย์ที่สิงคโปร์แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ถ่วงเวลา 2 ชั่วโมง ทำให้ลงที่สนามบินสิงคโปร์ไม่ทัน จึงต้องเปลี่ยนแผนไปที่ ดูไบ แทน

วันนั้นเป็นวันเดียวกันกับที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เข้ามาแทนที่ แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวที่เพิ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พ้นจากตำแหน่งจากกรณีคลิปเสียงสนทนากับ “สมเด็จฮุนเซน” ซึ่งเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง

เชื่อกันว่า ทักษิณ รู้ดีถึงผลและทิศทางการลงคะแนนของ ส.ส. ที่จะออกมา โดยมี อนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตจาก พรรคภูมิใจไทย เป็นตัวเต็งและมีโอกาสสูงกว่า ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตจาก พรรคเพื่อไทย

เมื่อโมเมนตัมอำนาจกำลังจะหลุดออกจากมือไปสู่ขั้วตรงข้าม จึงมีประเด็นที่สังคมตั้งคำถามว่า “ทักษิณ” จะไม่กลับมาแล้วหรือไม่?

แม้โพสต์ล่าสุดของ “ทักษิณ” บนแอปพลิเคชัน X จะยืนยันว่าเขาตั้งใจจะกลับมาไม่เกินวันที่ 8 กันยายน เพื่อเดินทางไปศาลด้วยตนเองในวันที่ 9 กันยายน 2568 ก็ตาม แต่หลายคนเชื่อว่าศาลจะบังคับคดีในวันอังคารนี้ ซึ่งหมายความว่า “ทักษิณ” อาจต้องกลับไปนอนในเรือนจำ

การเดินทางกลับมาของ “ทักษิณ” ในปี 2566 ช่างดูสง่างามด้วยเครื่องบินส่วนตัว จากนั้นจึงได้รับพระราชทานอภัยโทษและลดโทษ กระทั่งป่วยและเข้าไปพักรักษาตัวที่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้นอนในเรือนจำแม้แต่คืนเดียว ซึ่งตรงกับคำกล่าวที่ว่า “จะกลับมาอย่างเท่ๆ”

ทว่าการเดินทางไป ดูไบ ในปี 2568 กลับมาพร้อมกับนัยทางการเมืองหลายประการ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะที่แตกหักกับอดีตมหามิตรอย่าง “สมเด็จฮุนเซน” และ พรรคเพื่อไทย กำลังอยู่ในช่วงขาลงและกำลังจะหลุดจากอำนาจ ทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์คาดการณ์ว่า “ทักษิณ” อาจไม่กลับมาประเทศไทยอีกแล้วก็เป็นไปได้

ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานว่าการกลับเข้าไปใน “เรือนจำ” แม้จะไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่อยู่ใต้อาณัติ ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวสำหรับ “ทักษิณ” เนื่องจากแนวทางที่อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สมศักดิ์ เทพสุทิน ปูทางไว้ หากในกรณีที่ร้ายที่สุดคือศาลบังคับคดีให้กลับเข้าเรือนจำ ก็จะเข้าเงื่อนไขพักโทษเพราะมีอายุเกิน 70 ปี และสามารถติดกำไล EM ได้

เพียงแต่หากถึงจุดนั้นจริง ๆ “ทักษิณ” ก็จะต้องโลว์โปรไฟล์และวางมือทางการเมืองไปเลี้ยงหลานอย่างแท้จริง จะออกมาเคลื่อนไหวเป็น “สทร.” หรือ “เสมียนประเทศ” อย่างแต่ก่อนไม่ได้อีกแล้ว

หรือต่อให้ผลออกมา คดีที่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 ยังไม่กระทบกับ “ทักษิณ” ในวันนี้ ก็เชื่อแน่ว่าอำนาจบารมีจะไม่เหมือนเดิม หากไม่ได้กุมอำนาจรัฐ ส.ส. ของ พรรคเพื่อไทย ก็จะถูกดูดออกจากพรรคไป ในขณะที่นโยบายเด็ดไม่สามารถเข็นออกมาโกยเรตติ้งในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้

ดังนั้น “ทักษิณ” จะกลับหรือไม่กลับประเทศไทยก่อนวันที่ 8 กันยายนนี้ ก็ไม่สามารถกลับมาผงาดในการเมืองไทยเหมือนยุครุ่งเรืองในอดีตได้อีกแล้ว

 #ทักษิณชินวัตร #ทักษิณบิน #ทักษิณเครื่องบิน #การเมือง #พรรคเพื่อไทย