วันนี้ 4 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางวรรณวิษา อุ่นจิตร  ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านโจรก ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ แม่ของนายบัณฑิต อุ่นจิตร อายุ 34 ปี ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์จรวด BM 21 ของทหารกัมพูชายิงตกใส่บ้านเลขที่  159 บ.โจรก ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ยังคงทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทุกครั้งที่มาที่บ้านหลังนี้ก็จะพบรถ จยย.ของลูกชาย ยังคงจอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว ในช่วงวันเกิดเหตุอย่างไร รถก็ยังจอดอยู่อย่างนั้น อดที่จะคิดถึงลูกชายไม่ได้ และเป็นภาพที่สลดหดหู่ แก่ผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง

โดยนางวรรณวิษา เผยว่า ผู้ตายเป็นลูกชายคนโตจากทั้งหมด 4 คน ถือเป็นเสาลักของครอบครัว มีอาชีพขับรถไถ รับจ้างไถไร่นา โดยวันเกิดเหตุลูกชาย หวังดีได้ขับขี่รถ จยย.คันดังกล่าว เพื่อไปบอกครอบครัว ของนายสุที บุญแต่ง อายุ  60 ปี และนางสะทน กันภัย อายุ 63 ปี ปู่และย่า ของ ด.ช.ธิติวัฒน์  บุญแต่ง หรือ น้องน้ำโขง อายุ 8 ขวบ ที่เสียชีวิตอีกราย ในเหตุการณ์เดียวกัน  ว่าจะเอารถยนต์มารับเพื่ออพยพออกไปด้วยกัน เนื่องจากครอบครัวของน้องน้ำโขงไม่มีรถอพยพ  แต่ไม่กี่นาที จรวด BM 21 ก็ตกลงมาใส่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บอีก 2 ราย

โดยนาทีที่ลูกชายเสียชีวิต จากคำบอกเล่าของคนที่เห็นเหตุการณ์ณ์บอกว่า ระหว่างที่จรวดตกลงมา ร่างของลูกชายก็ถูกสะเก็ดระเบิดกระเด็นร่างลอยขึ้นประมาณ 1 เมตร ก่อนจะตกลงกระแทกพื้น ก่อนมีอาการชัก 2 รอบและแน่นิ่ง เสียชีวิตคาที่เกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุตนก็ประกาศให้ชาวบ้านอพยพด่วน ทางราชการบอกให้อพยพแล้ว  พอตนมาที่บ้านหลังนี้ก็เห็นลูกชายนอนอยู่  ชาวบ้านก็ออกไปกันหมดแล้ว ตนก็ไปอุ้มลูกขึ้นรถไปโรงพยาบาลพร้อมกับน้องน้ำโขง แต่ลูกชายน่าจะเสียชีวิตที่นี่แล้ว ตนรู้สึกเสียใจมาก เหมือนเขากำหนดไว้แล้ว  เขาขอเวลามา 30 นาที ก็มาเสียชีวิต  รถ จยย.เขาก็เสีย น่าจะถูกสะเก็ดระเบิดทะลุจึงยังไม่ได้เอากลับ จอดอยู่ที่เดิมอย่างไรก็อย่างนั้น  อยากให้ฮุนเซ็นรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำ เขาไม่มีจิตใจที่เป็นนักรบและนักสู้  ที่ยิงปืนใหญ่มาใส่ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ให้มารับผิดชอบกับสิ่งที่ทำ  ตนฝากถึงรัฐบาลใหม่ ให้ช่วยปิดด่านช่องจอม ไม่ต้องให้เขมรขึ้นมาขาย ถ้าปล่อยไว้ก็จะมีเหตุการณ์แบบนี้ถึงลูกถึงหลานไปเรื่อยๆ ส่วนตาเมือนธมก็ให้ปิดตายไปเลย และให้รัฐบาลใหม่แก้ปัญหาชายแดนให้จบโดยเร็ว