เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ตอน "สัตยาพาลี" ณ โรงละคร สำนักพระราชวัง สนามเสือป่า โดยมีคณะกรรมการและผู้สนับสนุนร่วมงานอย่างคับคั่ง


นางนฤมล ล้อมทอง กรรมการมูลนิธิฯ กล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงส่งเสริมโขนจนได้รับการประกาศให้เป็น "มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ" จาก UNESCO ในปี 2561 และขอบคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงสืบสานงานโขนพระราชทานมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 18


ต่อด้วยนายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ปัจจุบันโขนได้รับความนิยมจากผู้ชมทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่หันมาสนใจมากขึ้น รวมถึงมีนักแสดงรุ่นใหม่เข้าร่วมการคัดเลือกเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของโขนในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมของชาติที่ยังคงมีชีวิต


นายประเมษฐ์ บุณยะชัย ศิลปินแห่งชาติ ผู้ประพันธ์บท กล่าวว่า การแสดงในปีนี้คณะกรรมการได้คัดเลือกบทประพันธ์อย่างพิถีพิถัน โดยเน้นที่ความสนุกสนานควบคู่ไปกับการสอดแทรกแง่คิดเรื่องความกตัญญู ความซื่อสัตย์ และความจงรักภักดี โดยนำบทเพลงโบราณที่ประพันธ์ขึ้นตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์มาประกอบการแสดง และได้นำบทราชสวัสดิ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำมาสอนข้าราชบริพารมาเป็นบทนำการแสดงในครั้งนี้ด้วย


ในฐานะผู้กำกับการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน "สัตยาพาลี" รองศาสตราจารย์ ดร. ศุภชัย จันทร์สุวรรณ ศิลปินแห่งชาติ ได้กล่าวถึงความพิเศษของการแสดงในปีนี้ว่า มีการนำศิลปะชั้นสูงมาผสมผสานเพื่อให้ผู้ชมเข้าถึงและคล้อยตามไปกับเนื้อหาได้ง่ายขึ้น โดยเน้นเรื่อง ความกตัญญู ความซื่อสัตย์ และความจงรักภักดีผู้ชมจะได้สัมผัสกับความแตกต่างของการรบกันระหว่างสองฝ่าย และจะได้ชมการแสดงที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่าง "ขบวนลงสรงที่มีลิงอย่างเดียว" นอกจากนี้ ยังจะได้ชมกระบวนท่ารบอันน่าตื่นตาตื่นใจระหว่าง พญาพาลีกับปูยักษ์ทศกัณฐ์ อีกด้วย

ด้านนายสุดสาคร ชายเสม ศิลปินแห่งชาติ ผู้ออกแบบฉาก เผยว่าฉากในตอนนี้มีความยิ่งใหญ่และน่าสนใจ โดยเฉพาะการนำศิลปกรรมชั้นสูงมาใช้ เช่น วิมานของพระอิศวรบนเขาไกรลาศ, ช้างทรงของทศกัณฐ์ และราชรถที่สวยงามของพระรามและพระลักษณ์


ขณะที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรัตน์ จงดา อนุกรรมการด้านการแสดง กล่าวว่าหัวใจสำคัญของการแสดงโขนพระราชทานคือการพัฒนาเครื่องแต่งกายให้มีความประณีตและงดงามยิ่งขึ้น ซึ่งผลงานทั้งหมดเป็นฝีมือของสมาชิกศิลปาชีพ ทำให้ช่างฝีมือโบราณไม่สูญหายไป แต่กลับเพิ่มจำนวนขึ้น

 


ในงานแถลงข่าวมีการแสดงตัวอย่าง 2 ตอน ได้แก่ "องคตกุมารลงสรง" ที่เป็นการแสดงขบวนแห่ที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่เป็นครั้งแรก และตอน "พาลีรบสุครีพ" ซึ่งเป็นฉากสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการเสียสัตย์สาบานของพาลี และการสำนึกผิดในที่สุด สำหรับปี 2568 นี้ นับเป็นปีมหามงคลของปวงชนชาวไทยอีกวาระหนึ่ง เพื่อเฉลิมฉลอง 2 โอกาสมหามงคลของปวงชนชาวไทย ได้แก่ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 93 พรรษา 12 สิงหาคม 2568 และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 73 พรรษา 28 กรกฎาคม 2568 มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ จึงร่วมเฉลิมฉลองโอกาส มหามงคลนี้ คัดเลือกตอน “สัตยาพาลี” เป็นเรื่องราวของพญาพาลีกษัตริย์วานรเมืองขีดขิน ที่เสียสัจจะเพราะความ หลงผิด แต่ภายหลังมีความสำนึกผิดในสัจจะ ผลของการเสียสัตย์ของพาลีนำพาเข้าสู่เรื่องราวมากมาย ที่จะให้ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ได้รับความบันเทิงครบทุกอรรถรส และได้ข้อคิดเรื่องการรักษาสัจจะ รวมถึงคุณธรรม ความกตัญญู ความซื่อสัตย์ รู้รักสามัคคี รู้จักหน้าที่ ที่ต้องพึงปฏิบัติ 


 “สัตยาพาลี” จับตอนตั้งแต่ทศกัณฐ์แปลงกายเป็นปูยักษ์หมายทำลายพิธีโสกันต์องคตกุมาร แต่พาลี ผู้ได้พรจากพระอิศวรปราบได้ ต่อมาเกิดเหตุการณ์ทรพีบุตรทรพาโอหังไม่กตัญญูจนถูกพาลีฆ่าตายในถ้ำ และทำให้พาลีกับสุครีพ น้องชายเข้าใจผิดแตกกัน สุครีพจึงไปพึ่งพระรามและร่วมต่อสู้จนพาลีต้องยอมมรณภาพโดยฝากฝังบ้านเมืองไว้กับพระราม เรื่องราวดำเนินต่อด้วยทศกัณฐ์ให้นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ชุบชีวิตพลยักษ์ แต่พระรามส่งหนุมานและเหล่าวานรไปทำลายพิธีได้สำเร็จ ก่อนที่กองทัพอธรรมจะพ่ายแพ้และทศกัณฐ์ต้องล่าถอย เรื่องราวความสนุกจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ติดตามรับชมได้ในการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน “สัตยาพาลี” 


นอกจากการแสดงที่วิจิตรงดงามที่แสดงโดยนักแสดงเยาวชนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกและฝึกซ้อมจากครูผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ จนมีฝีมือการร่ายรำอันงดงามถูกต้องตามจารีตแล้ว ผู้ชมจะได้รับฟังการบรรเลงดนตรีและขับร้องเพลงไทยอันไพเราะ รับชมความวิจิตรของเครื่องแต่งกายอันประณีต พบกับความพิเศษของสุดยอดฉากการแสดงที่ยิ่งใหญ่ตระการตาของ “สัตยาพาลี” ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อการแสดงโขนที่ยิ่งใหญ่บนเวที นับเป็นเวลาเกือบ  2 ทศวรรษ โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชนนีพันปีหลวง 


ได้จัดการแสดงโขนเพื่อการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้ชื่นชมความงดงามของศิลปะดั้งเดิมของไทยหลากหลายแขนงในการแสดงโขน โดยสิ่งที่เป็นขวัญกำลังใจในการดำเนินงานคือ พระราชดำรัสเกี่ยวกับการอนุรักษ์ศิลปะแขนงนี้ว่า “ขาดทุนของฉันคือกำไรของแผ่นดิน” นับเป็นความโชคดีของคนไทยและประเทศไทย ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงส่งเสริมและสนับสนุนการแสดงโขนอย่างเอาพระทัยใส่ทุกมิติ เป็นการธำรงนาฏศิลป์ อันทรงคุณค่า ของชาติให้สืบทอดอยู่อีกนานเท่านาน  


 
การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เรื่องรามเกียรติ์ ตอน “สัตยาพาลี” เปิดการแสดง 6 พฤศจิกายน 2568 - 8 ธันวาคม 2568 โดยเปิดจำหน่ายบัตร ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เป็นต้นมา บัตรราคา 2,000 บาท, 1,800 บาท, 1,000 บาท, 800 บาท และ 600 บาท(รอบนักเรียน ราคา 200 บาท) จำหน่ายบัตรที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา โทร. 0-2262-3456 www.thaiticketmajor.com สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ประชาสัมพันธ์โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ