วันที่ 4 ก.ย.2568 เวลา 14.00 น.ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 5 ก.ย.กรณีมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 2 คน จะสามารถแสดงวิสัยทัศน์ได้หรือไม่ ว่า เป็นเรื่องของสมาชิกที่จะเสนอชื่อบุคคลใด ส่วนผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจะต้องแสดงวิสัยทัศน์หรือไม่ ไม่มีข้อบังคับและรัฐธรรมนูญระบุไว้ ไม่เหมือนการเลือกตำแหน่งประธานสภาฯ หรือรองประธานสภาฯ ซึ่งการเลือกนายกฯที่ผ่านมาทั้ง พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายเศรษฐา ทวีสิน และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็ไม่ได้แสดงวิสัยทัศน์เพราะเป็นบุคคลภายนอก ไม่ได้เป็นสมาชิกสภาฯ ซึ่งคราวนี้ก็ยังไม่ทราบว่า จะเสนอชื่อของบุคคลที่อยู่ในสภาฯหรือนอกสภาฯ ดังนั้นเรื่องการแสดงวิสัยทัศน์จึงต้องขึ้นอยู่กับผู้ที่ถูกเสนอชื่อ หากมีความประสงค์ก็สามารถแจ้งได้ ขึ้นอยู่กับสภาฯว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรที่เป็นไปตามข้อบังคับและรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่าภายหลังมีการเสนอชื่อ สส.สามารถแสดงความคิดเห็นต่อแคนดิเดตนายกฯได้หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นน่าจะเป็นเรื่องของการเสนอชื่อว่ามีเหตุผลอะไรในการเสนอชื่อ แต่เรื่องการอภิปราย ความรู้ ความสามารถ ของแต่ละคน ตนคิดว่าอาจจะไม่ใช่ในวาระนี้ เพราะผู้ที่ได้รับการเลือกเป็นนายกฯ จะต้องมาแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งในวันที่แถลงนโยบายนั้นสมาชิกจะสามารถอภิปรายได้ ทั้งเรื่องความรู้ ความสามารถ และเรื่องอื่นๆ เพราะฉะนั้น ในวันเลือกนายกฯพรุ่งนี้(5 ก.ย.) ไม่น่าจะมีการอภิปราย การจะไปบอกว่าท่านนั้นไม่ดี มีปัญหาอย่างนั้น คงไม่ใช่วาระ

เมื่อถามว่า เมื่อเกิดการพลิกขั้วการจัดตั้งรัฐบาล จะกระทบกับตำแหน่งประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ต้องไปดูรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับ ซึ่งที่ผ่านมาในรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือ รัฐธรรมนูญปี40 ปี 50หลายฉบับ ระบุว่า ประธานสภาฯ จะต้องเลือกจากสมาชิกในสภาฯนั้นๆ ส่วนการพ้นจากตำแหน่ง มีแค่ 2 ประการเท่านั้น คือลาออก หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่จะ มากำหนดตำแหน่งนี้

เมื่อถามย้ำว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งจะต้องเป็นหน้าที่ของสภาฯเท่านั้น ใช่หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของสมาชิกสภาฯ และรัฐธรม ไม่ได้มีเรื่องอะไรเป็นกรณี ถ้าจะยกตัวอย่างก็ได้เมื่อปี40 ตนเป็นประธานสภาฯคนที่หนึ่งแล้วเปลี่ยนขั้วจากพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มาเป็นนายชวน หลีกภัย ตนก็ทำหน้าที่ประธานสภาฯ จนสิ้นวาระ ทั้งนี้ตนก็ลาออกก่อนหมดวาระ 6เดือน เพราะต้องไปเป็นเลขาธิการพรรค แต่รองประธานสภาฯอีก 2คนก็ไม่ได้ลาออก อย่างไรก็ตามคงต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่างๆ