วันที่ 4 ก.ย.68 เพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า...

แท้จริงแล้วดวงจันทร์เป็นสีอะไรกันแน่ ?

คำถามที่ดูเหมือนง่าย… แต่เชื่อว่าถามใครก็ตอบไม่เหมือนกันแน่นอน บางคนอาจบอกว่าดวงจันทร์เป็น สีขาว เหลือง ส้ม แดง หรือแม้กระทั่ง สีน้ำเงิน อยากชวนทุกคนลองคิดคำตอบของตัวเองไว้ในใจ แล้วมาดูกันว่า แท้จริงแล้วดวงจันทร์เป็นสีอะไรกันแน่ ?

สีที่เราเห็นบนดวงจันทร์ไม่ได้เกิดจากพื้นผิวของดวงจันทร์โดยตรง แต่เป็นผลจากปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์และชั้นบรรยากาศของโลก ที่ส่งผลต่อการมองเห็น ดวงจันทร์เองเป็นเพียงวัตถุท้องฟ้าที่ไม่มีแสงในตัว แสงสว่างที่เราเห็นมาจากแสงอาทิตย์ที่สะท้อนกลับจากผิวดวงจันทร์เข้าสู่ดวงตาของเรา

วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ "ดวงจันทร์หลากสี" พร้อมไขความลับว่าแต่ละสีเกิดขึ้นได้อย่างไร

ดวงจันทร์สีขาว

“ดวงจันทร์สีขาว” ไปจนถึง “สีเทาอ่อน” คือภาพที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด มักเห็นได้ชัดเมื่อดวงจันทร์โผล่ขึ้นสูงจากขอบฟ้าระดับหนึ่งหรือเกือบกลางศีรษะในคืนฟ้าใสไร้เมฆ แสงจากดวงอาทิตย์ที่สะท้อนกลับมาจึงไม่ถูกรบกวนจากบรรยากาศมากนัก ทำให้ดวงจันทร์ดูเป็นสีขาวนวล โดยเฉพาะในช่วงดวงจันทร์ใกล้เต็มดวงหรือเต็มดวง แสงสว่างที่ส่องออกมาจะยิ่งขับให้ความขาวของดวงจันทร์เด่นชัดและสวยงามมากขึ้น

ดวงจันทร์สีส้มและสีเหลือง

ดวงจันทร์สีส้มและสีเหลือง มักปรากฏให้เห็นเมื่อดวงจันทร์อยู่ใกล้ขอบฟ้า เนื่องจากแสงจากดวงจันทร์ต้องเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศโลกในระยะทางที่ยาวกว่าตอนอยู่กลางศีรษะ ระหว่างทาง แสงสีฟ้าถูกกระเจิงออกไป จึงเหลือเพียงแสงโทนเหลืองถึงส้มที่เดินทางมาถึงดวงตาของเรา ทำให้ดวงจันทร์ดูอุ่นนวลราวกับดวงโคมไฟบนท้องฟ้านั่นเอง

ดวงจันทร์สีแดงอิฐ 

ดวงจันทร์สีแดงอิฐ หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ Blood Moon จะเกิดขึ้นเฉพาะช่วงที่ดวงจันทร์เต็มดวงเคลื่อนเข้าสู่เงามืดของโลก หรือที่เรียกว่า “จันทรุปราคาเต็มดวง” เท่านั้น เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ก็เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สามารถคำนวณการเกิดล่วงหน้าได้
สาเหตุที่ดวงจันทร์ไม่มืดดับหายไปขณะอยู่ในเงามืดของโลก แต่กลับปรากฏเป็นสีแดงอิฐ ก็เพราะว่าแท้จริงแล้วเงาของโลกไม่ได้มืดสนิท เมื่อแสงของดวงอาทิตย์ตกกระทบโลก ทำให้เกิดเงาทอดยาวไปในทิศทางตรงข้าม และเมื่อแสงผ่านชั้นบรรยากาศโลกจะเกิดการกระเจิงและหักเห แสงที่มีความยาวคลื่นสั้น เช่น สีฟ้า จะถูกกรองออกไป เหลือเพียงแสงสีแดงที่มีความยาวคลื่นยาวที่สุด หักเหเข้าไปในเงามืดของโลก เมื่อแสงสีแดงตกกระทบบนดวงจันทร์ แล้วสะท้อนกลับมายังโลก ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์เรืองรองเป็นสีแดงอิฐบนท้องฟ้าในช่วงจันทรุปราคาเต็มดวงนั่นเอง

ดวงจันทร์สีเทาดำ

ก่อนหน้านี้ สีต่าง ๆ ของดวงจันทร์ที่เรามองเห็น ล้วนเกิดจากการมองผ่านชั้นบรรยากาศของโลก แต่หากเราได้ออกไปสังเกตดวงจันทร์จากอวกาศโดยตรง สีที่เห็นจริง ๆ จะเป็น “สีเทาดำ”

#ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
คำตอบคือ พื้นผิวของดวงจันทร์ประกอบด้วยหินและฝุ่นที่ไม่มีสีสดใส ส่วนใหญ่มีเฉดสีตั้งแต่เทาอ่อนไปจนถึงเทาเข้ม ประกอบกับภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาตและพื้นผิวขรุขระ ทำให้ดวงจันทร์สะท้อนแสงได้ไม่ดีนัก เมื่อมองจากอวกาศจึงเห็นเป็นสีเทาเข้มอย่างชัดเจน หลายคนอาจเข้าใจว่าดวงจันทร์ควรจะมีสีเทาอ่อนหรือเกือบขาว แต่เมื่อวัดค่าการสะท้อนแสง หรือ ค่าอัลบีโด (Albedo) จะพบว่ามีค่าเฉลี่ยเพียงประมาณ 12% หรือใกล้เคียงกับสีของถนนยางมะตอยเลยทีเดียว

#แล้วเหตุใดเราจึงมองเห็นดวงจันทร์สว่างกว่าความเป็นจริง?
สาเหตุหนึ่งคือ ดวงจันทร์ตั้งอยู่ท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้า โดยไม่มีวัตถุอื่นที่เด่นชัดให้เปรียบเทียบ สมองของเราจึงตีความว่ามันสว่างกว่าความเป็นจริง คล้ายกับการดูภาพถ่ายขาวดำที่มีเพียงวัตถุสีขาวอยู่หนึ่งเดียวในเฟรม ซึ่งยิ่งทำให้วัตถุนั้นดูขาวสว่างเกินจริงในสายตาเรา

ดวงจันทร์สีน้ำเงิน

บลูมูน (Blue Moon) ไม่ได้หมายถึงดวงจันทร์สีน้ำเงิน แต่ในทางดาราศาสตร์หมายถึง ดวงจันทร์เต็มดวงครั้งที่ 2 ของเดือน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

ปกติดวงจันทร์จะใช้เวลาเปลี่ยนเฟสข้างขึ้น-ข้างแรม เป็นระยะเวลาประมาณ 29.5 วัน ขณะที่เดือนในปฏิทินที่เราใช้มี 30-31 วัน ทำให้บางเดือนมีโอกาสที่ดวงจันทร์เต็มดวงถึง 2 ครั้ง คือช่วงต้นเดือนและปลายเดือน ซึ่งนานทีจะเกิดขึ้น จึงเป็นที่มาของสำนวนภาษาอังกฤษ “Once in a blue moon” ที่หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากหรือเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ดวงจันทร์ที่จะปรากฏให้เราเห็นเป็นสีน้ำเงินนั้น ไม่มีอยู่จริง

ขอบคุณข้อมูล/ภาพ : เพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ