วันที่ 4 ก.ย.68 รศ.ยืน ภู่วรวรรณ ที่ปรึกษาและผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊กยืน ภู่วรวรรณ ระบุว่า...

กงล้อการศึกษาไทย

ช่วงนี้ได้รับเชิญให้ไปร่วมเสวนา และ นำเสนอเกี่ยวกับเรื่อง เอไอกับการศึกษาบ่อยครั้ง ค้นหารูปเก่าๆ ที่เก็บไว้ในแฟ้มรูปภาพที่มีจำนวนมากมาใช้ประกอบ

ทำให้เห็นวงจรการศึกษากำลังวนกลับมาอีกแล้ว เพราะช่วงอดีตที่มองย้อนไป ยังอยู่ในความทรงจำ และเห็นวงล้อประวัติศาสตร์ที่กำลังหวนมาอีก

ประมาณสี่สิบปีที่แล้วคอมพิวเตอร์พีซี กำลังเข้ามาในประเทศไทย โดยเฉพาะเครื่อง 8 บิต Apple II เครื่องโคลน ทะลักเข้ามาประเทศไทยจำนวนมาก ถัดจากนั้น ก็เป็นเครื่อง x86 เข้ามา

มีการกล่าวขวัญถึง พีซี กันมาก ทุกคนตื่นเต้น ต้องจัดหลักสูตรให้นักเรียนเรียน

ในปี 2525 มีการประชุมระดมความคิดเห็นจากหลายฝ่าย ช่วยกันสร้าง ผมพยายามผลักดันพื้นฐานการคิด การโค้ดเข้าหลักสูตร ผมจำคำกล่าวของใครบางคนได้ดีว่า เมื่อเราต้องให้คนอื่นมาช่วยออกเสียงความคิด และมีเสียงมากตามหลักประชาธิปไตย เรากำลังปั้นม้าจากคนที่ไม่ใช่ช่างศิลปตัวจริง ผลลัพธ์ ม้าจะกลายเป็นอูฐ

หลังจากนั้นเริ่มมีการสร้างหลักสูตร ผมนำหนังสือเรียนที่ผมเก็บไว้มาให้ดู มีการสร้างวิชาให้นักเรียนได้เรียน

ปี 2533 มีหนังสือเรียน วิชาการใช้คอมพิวเตอร์เบื้องต้น จัดให้อยู่ในหมวดการงานอาชีพ หนังสือเรียนเน้นการเป็นผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ใช้เวิร์ดโปรเซสเซอร์ ตารางคำนวณ และการนำเสนอผลงาน

ปี 2540 ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญใหม่ มีการประกาศปฏิรูปการศึกษา ผมไปบรรยายที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต เรื่องการศึกษาวิชาเทคโนโลยี ที่อยากผลักดันให้เป็นวิชาที่เน้น แบบวิทยาศาสตร์

ช่วงนั้นผมช่วย สสวท คิดว่าวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จะเปลี่ยนแปลงการเรียนให้เป็นศาสตร์แบบวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ได้ เพราะกำลังปรับปรุงหลักสูตรครั้งใหญ่

ปี 2543 กระทรวงประกาศใช้ หลักสูตรใหม่ แปดกลุ่มสาระ ผลคือ วิชาเทคโนโลยี ยังจัดอยู่ในการงานอาชีพ เหมือนเดิม การเรียนการสอนในโรงเรียนยังต้องการสร้างเด็กให้เป็นผู้ใช้ เป็นผู้ซื้อเทคโนโลยีมาใช้เหมือนเดิม

หลักสูตรแปดกลุ่มสาระยังใช้มาจนปัจจุบัน ยี่สิบกว่าปีแล้วยังไม่เปลี่ยน

ปี 2560 ประเทศไทยอยากเป็น ไทยแลนด์ 4.0 จึงย้ายวิชาเทคโนโลยีจากกลุ่มการงานอาชีพมาอยู่ในกลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนเนื้อหาเป็นวิชาวิทยาการคำนวณ และ การออกแบบและเทคโนโลยี

ผ่านมาแปดปี โลกพัฒนาไปไกล มายุคเอไอ การเรียนการสอน หลักสูตร หนังสือเรียน เราก็ยังไม่ไปไหน

ปี 2568 ยุคเอไอ เฟื่องฟู มีการกล่าวขวัญกันมากเหมือนยุคเมื่อพีซีเข้ามา ผู้คนทั่วไปต้องใช้ เรามีการตื่นตัวสอนการใช้เอไอกันยกใหญ่ ผมเห็นมีการอบรมใช้เอไอ สนุกสนานกับการเป็นผู้ใช้ เริ่มแรกก็ให้ใช้ฟรี เพื่อให้ติด ต่อมาให้ซื้อโทเก็น หลายที่ส่วนกลางซื้อโทเก็นรวมบริการให้ เป็นผู้ใช้เอไอ อีกหน่อยเราจะเป็นผู้บริโภคเอไอระดับต้นๆ

แม้ในโรงเรียน มีการสอนนักเรียนใช้ สอนการเขียนพร๊อม ผมยังงงอยู่ว่า การใช้เอไอ ยังต้องสอนให้ใช้เป็น มีการสร้างกระแสการใช้เพื่อการศึกษา จนดูเหมือนว่า กลัวครู นักเรียน ใช้เอไอไม่เป็น

อีกหน่อยเราคงมีหลักสูตร หนังสือเรียน การใช้ Generative AI ยิ่งมีผลิตภัณฑ์ใหม่ และทันสมัย ยิ่งต้องตามใช้ให้เป็น

ทำไมเราไม่มีหลักสูตรรู้เท่าทันเอไอ คิดพัฒนาเอไอ เรียนรู้พื้นฐานการสร้างเอไอ ซึ่งแน่นอน ฐานอยู่ที่คณิต วิทย์

ประวัติศาสตร์ น่าจะเป็นบทเรียนได้ดี ว่า การศึกษาควรจะปรับตัวอย่างไร หากพื้นฐานคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ทักษะการคิด เรายังไม่พัฒนา ก็คงเป็นผู้ใช้ต่อไป

#AIForKids #AIforEducation