“หมอประกิต”จี้รัฐบาลเร่งปรับภาษีบุหรี่ให้อัตราเดียวตามมาตรฐานสากลเพื่อเพิ่มรายได้รัฐและปกป้องสุขภาพประชาชน เผยตั้งแต่จัดเก็บภาษีบุหรี่โครงสร้างแบบ 2 อัตราตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา สร้างผลเสียมากกว่าผลดีทั้งต่อรายได้ภาษี กำไรยาสูบไทยวูบ เสียส่วนแบ่งตลาดให้บุหรี่นอก กระทบโควตาปลูกใบยาเกษตรกรไทย ซ้ำคนสูบไม่ลดลง ชี้องค์การอนามัยโลกแนะนำให้คลังปรับภาษีบุหรี่ให้เหลือโครงสร้างแบบอัตราเดียวเพื่อแก้ปัญหา

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่และอดีตสมาชิกคณะกรรมการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ได้แสดงความเป็นห่วงถึงประเด็นภาษีบุหรี่ไทยโดยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าปัญหาที่เกิดจากโครงสร้างภาษีสองอัตราที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนั้น ส่งผลให้บุหรี่นำเข้าลดราคาลงมาแข่งขันในอัตราภาษีต่ำ ทำให้รายได้ภาษีรัฐลดลงกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี จนการยาสูบแห่งประเทศไทยต้องสูญเสียกำไรจากเดิมปีละ 7,000-9,000 ล้านบาท เหลือเพียงไม่กี่ร้อยล้านบาท ที่สำคัญคือไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาจำนวนผู้สูบบุหรี่ตามวัตถุประสงค์ด้านสาธารณสุข ทั้งที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้แนะนำให้ประเทศไทยปรับภาษีบุหรี่ให้เหลืออัตราเดียวมาตั้งแต่ปี 2562 เนื่องจากเป็นหลักการสำคัญของระบบภาษีบุหรี่ที่ดี

ขณะที่ ศ.ดร.อิศรา ศานติศาสน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและอดีตที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลกด้านภาษียาสูบ วิเคราะห์ว่าหากไทยปรับภาษีไปสู่อัตราเดียว รัฐบาลสามารถเพิ่มรายได้ภาษีได้ระหว่าง 4,000–15,000 ล้านบาทต่อปี พร้อมกับลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ลงและช่วยลดภาระค่ารักษาพยาบาลของประเทศในระยะยาว

ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ชี้ให้เห็นถึงปัญหาของภาษีสองอัตราที่คิดตามราคาขายปลีกนั้น ผิดหลักการของภาษีบุหรี่ที่ดี ซึ่งทางสรรพสามิตตระหนักดีถึงปัญหานี้ และแสดงเจตจำนงไว้หลายปีแล้วที่จะปรับโครงสร้างให้เป็นอัตราเดียว อย่างไรก็ตามยังไม่มีการตัดสินใจให้เด็ดขาดจนส่งผลกระทบต่อหลาย ๆ มิติทั้งรายได้ เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ และจำนวนผู้สูบบุหรี่ ซึ่งหากรัฐบาลรีบตัดสินใจ จะสามารถเพิ่มรายได้รัฐบาลและลดจำนวนคนสูบบุหรี่ลงตามเจตนารมณ์ของระบบภาษีที่ดี การที่ยังไม่นำเรื่องนี้ไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ทำให้เกิดความสงสัยว่ามีอะไรที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่

ศ.นพ.ประกิต ได้ยกกรณีฟิลิปปินส์ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน เมื่อรัฐบาลปฏิรูปภาษีบุหรี่จาก 4 อัตราเหลืออัตราเดียว พร้อมกำหนดให้ขึ้นภาษีทุกปี ผ่านกฎหมาย “Sin Taxes Bill” ส่งผลให้รัฐบาลสามารถเพิ่มสิทธิประกันสุขภาพแก่ประชาชนอีกกว่า 10 ล้านคนในปีแรก และสร้างรายได้ภาษีมหาศาล กลายเป็นต้นแบบที่องค์การอนามัยโลกยกย่องให้เป็นแนวทางปฏิบัติที่ดี Best Practice ของโลก

 พร้อมกันนี้ ศ.นพ.ประกิต ยังกระตุ้นให้รัฐบาลไม่ควรลังเลอีกต่อไปและเร่งตัดสินใจเชิงนโยบายโดยปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่อัตราเดียวตามมาตรฐานสากล เพราะการเปลี่ยนมาใช้โครงสร้าง 2 อัตราตั้งแต่ปี 2560 กลับกลายเป็นจุดอ่อนที่ถูกตั้งคำถามบนเวทีนานาชาติ  ว่า “เกิดอะไรขึ้นกับภาษีบุหรี่ไทย” มากกว่าที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีบนเวทีโลก