วันนี้ (3 ก.ย.68) เวลา 09.00 น. ณ ห้อง จปร.ชั้น 2 อาคารพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติกองทัพบก กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก รับการเยี่ยมคำนับ พล.ท. โจเอล วาวเวลล์ (LTG Joel Vowell) รอง ผบ.กกล.ทบ.สหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก (USARPAC) ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับผู้บริหารระหว่างกองทัพบก กับ ทบ.สหรัฐ ครั้งที่ 14 (Executive Steering Group: ESG) ระหว่างวันที่ 2-3 ก.ย. 68 

โดย รองผู้บัญชาการทหารบก ได้กล่าวถึงการประชุม ESG ว่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้จัดการประชุมร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อต่อยอดความร่วมมือทางทหาร เล็งเห็นความสำคัญของการวางแผนการฝึกซ้อมทางทหารร่วมกัน รวมถึงหารือเรื่องการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยีและยุทโธปกรณ์ เพื่อเพิ่มความร่วมมือในการเสริมสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก รวมถึงการรับมือกับภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ร่วมกันต่อไป โดย รอง ผบ.กกล.ทบ.สหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก ได้กล่าวถึงการประชุมผู้บัญชาการทหารบกภาคพื้นอินโด- แปซิฟิก ประจำปี 2568 (INDO-PACIFIC Armies Chiefs Conference :IPACC) ที่กำลังจะจัดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งสหรัฐฯเป็นเจ้าภาพร่วม ถือเป็นโอกาสอันดีที่ผู้นำกองทัพในภูมิภาค จะได้มีโอกาสในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยในส่วนของความร่วมมือด้านความมั่นคงนั้น ทางสหรัฐจะช่วยการดำเนินการเร่งรัดการจัดส่งยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพบกตามระยะเวลาที่กำหนด

สำหรับสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ในปัจจุบัน รองผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่ากองทัพบกมีจุดยืนอย่างหนักแน่นในการเคารพข้อตกลงหลังการเจรจา GBC เพื่อให้ดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงบรรลุผล และ รู้สึกเสียใจต่อการตัดสินใจของรัฐบาลกัมพูชา ที่ทำให้เข้าสู่สถานการณ์ของความขัดแย้งนี้ ทั้งนี้ยังมีความกังวลใจในเรื่องความรู้สึกของประชาชนทั้งสองประเทศที่อาจส่งผลกระทบในระยะยาว ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขและคลี่คลายได้โดยเร็ว หากกัมพูชามีความจริงใจที่จะยุติความขัดแย้งนี้อย่างแท้จริง โดยทางสหรัฐฯ แสดงความเห็นด้วย และกล่าวว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือทั้งสองประเทศต้องยึดตามข้อตกลงการหยุดยิงอย่างเด็ดขาด สหรัฐฯ เป็นเพื่อนที่ดีกับทั้งสองประเทศ เชื่อว่าการเจรจาจะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายได้

นอกจากนี้ ทั้งสองยังได้เห็นพ้องถึงความสำคัญของมิตรภาพระหว่างสองประเทศ โดยประเทศไทยนับเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก และไม่ว่าทิศทางนโยบายทางการเมือง การต่างประเทศของแต่ละประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ความสัมพันธ์และความร่วมมือทางการทหารระหว่างไทย-สหรัฐฯ จะยังคงแนบแน่นและดำเนินต่อ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพ ในภูมิภาคต่อไป