วันที่ 3 ก.ย.เวลา 1100 น. นายจิรายุห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า รักษาการนายกรัฐมนตรีได้ลงนามยื่นทูลเกล้า เพื่อประกาศคืนอำนาจให้กับประชาชนแล้ว

ทั้งนี้หากมี การลงพระปรมาภิไธยประกาศยุบสภา คณะกรรมการการเลือกตั้ง ก็จะต้องกำหนดวันเลือกตั้งในกรอบ 60 วัน ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้
     

ซึ่งการยื่นได้ทำก่อนที่พรรคประชาชนจะจับมือกับพรรคภูมิใจไทยดังนั้นผลการจับมือของสองพรรคไม่เกี่ยวกับการตัดสินใจคืนอำนาจให้ประชาชนของพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด 
       

ส่วนการไปจับขั้วใหม่เพื่อเลือกนายกฯกันนั้นตนเชื่อว่าจะเกิดกรณี“หลอกให้รักแล้วหักอกทีหลัง“อย่างแน่นอน ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันทำให้เห็นได้ว่าการจะโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่แต่มาอยู่ได้4เดือนก็จะเป็นสภาพปัญหาที่ไม่สามารถขับเคลื่อนใดๆได้และทำให้ประชาชนเกิด การคลาบแครงใจว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เข้ามา จะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างไรในรอบเพียงแค่ 4 เดือนนอกจากนี้ยังมีคดีสำคัญที่ส่วนราชการต่างๆ ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเพื่อให้กลไกประชาธิปไตยเดินหน้าได้การยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนจึงเป็นสิ่งสวยงามที่สุด

  “ ส่วนเรื่องที่ใครจะถูกหลอกหรือรู้ทั้งรู้ว่าเขาหลอกก็เต็มใจให้หลอก ก็เป็นสิทธิเสรีภาพของพรรคการเมือง แต่อย่างน้อยก็ทำให้ประชาชนได้เห็นแล้วว่าการจับมือของพรรคการเมืองเมื่อเช้านี้อาจทำให้แฟนคลับผิดหวังไปตามๆกันได้ เพราะบางพรรคการเมืองก็เคยยืนยันว่า ไม่ยุ่ง 112 หรือกองทัพมาโดยตลอด“