ปฏิบัติการ ดับฝัน “หนู” เกิดขึ้นจริงตามคาด หลังจากที่ “ขู่”กันมาหลายวัน ในที่สุด “พรรคเพื่อไทย” ตัดสินใจใช้ “ใพ่ใบสุดท้าย” โดยการให้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจที่เชื่อว่า “ทำได้” ดำเนินการ “ยุบสภา” ทันที เมื่อชัดเจนแล้วว่า “พรรคส้ม” ประกาศจุดยืนหนุน “พรรคสีน้ำเงิน” เป็นรัฐบาล
แต่สุดท้าย เกมพลิก เมื่อพรรคสีน้ำเงิน ไม่สนว่าจะยุบสภาฯหรือไม่ ชั่วอึดใจเดียว “หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิมใจไทย ไม่ยอมพลาดโอกาสทอง เปิดแถลงข่าวตั้งรัฐบาลใหม่ ทันที เปิดหน้า “146 เสียง” โชว์โฉมหน้า "รัฐบาลเสียงข้างน้อย" ตามมาเพียงไม่กี่นาที
3 กันยายน 68 จึงกลายเป็นห้วงเวลาของการช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองอันดุเดือดที่สุด !!
เปิดคิว กันที่ “ณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมแกนนำพรรค เปิดการแถลงข่าวด่วน ที่รัฐสภา ประกาศมติพรรคหนุน “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 บนเงื่อนไข “5 ข้อ”
1. นายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่
2. ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐสภาจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 256 “คณะรัฐมนตรีชุดใหม่” ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การจัดทำ “รัฐธรรมนูญฉบับใหม่” โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง โดยเร็ว ต้องไม่เกินกว่าวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
3.ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่จำเป็นต้องมีการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐสภาดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ตามมาตรา 256 นั้น คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทยจะเร่งผลักดันร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อกำหนดให้มีกระบวนการจัดทำรัฐธธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง ให้แล้วเสร็จในวาระของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้โดยเร็ว
4.เพื่อสร้างหลักประกันว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน 4 เดือนจริง พรรคภูมิใจไทยต้องไม่ดำเนินการโดยวิธีการใดๆ เพื่อทำให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก
5. พรรคประชาชนยืนยันเป็นฝ่ายค้านต่อไป โดยจะไม่มีคนของพรรคเข้าไปเป็นรัฐมนตรี
การชิงจังหวะ “แถลงด่วน” ของพรรคประชาชน ที่รัฐสภาในช่วงเช้าวันนี้ เหนืออื่นใด เพราะต้องการ “ปิดเกมเร็ว” ปิดประตู “นายกฯคนนอก” โดยเฉพาะ ข่าวลือที่มี “มือดี” ปล่อยออกมาเขย่าขวัญ “พรรคส้ม” ว่าหากช้า “ลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี อาจจะมาแน่
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว แม้แต่ “กองเชียร์” เองยังไม่เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะกลับมาสู่เส้นทางการเมืองอีกแล้ว !
หมายความว่า “ข่าวลือ” จาก “มือดี” เขย่า “พรรคส้ม” ได้สำเร็จ เพราะเป็น “แรงกดดัน” ที่มีผล ต่อการเลือกหนุนพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะในโค้งสุดท้าย ยังทิ้งทวนกันที่ “ข่าวลือ” ที่ว่าพรรคเพื่อไทย เตรียมเปิด “ดีลใหม่” กับ “ฝั่งอนุรักษ์นิยม” ยิ่งกลายเป็นเรื่องบีบหัวใจพรรคส้มไม่น้อย
ปฏิบัติการ “แอร์วอร์” สงความข่าว ที่ต่างฝ่าย ต่างนำมาใช้ ทั้งทางตรงและ “ซึ่งหน้า” ครั้งนี้ทำเอาฝ่ายการเมือง กลายเป็นถึงกับจับตาสถานการณ์ทางการเมือง กันชนิดช็อตต่อช็อต
การจับมือกันระหว่างพรรคประชาชน กับพรรคภูมิใจไทย จะถูก “ดับฝัน” ลงด้วยเงื่อนปม ที่พรรคเพื่อไทยผูกขึ้นมาใหม่ หรือไม่ เมื่อภูมิธรรม ได้ทูลเกล้าฯ ยุบสภาไปเรียบร้อยแล้ว เพราะประเด็นนี้กำลังเป็นที่ถกเถียงกัน
แม้แต่ในแวดวง “นักกฎหมาย” เอง ก็ยังให้ความเห็นแตกต่างกัน และยังไม่มีข้อยุติว่า “ทำได้หรือไม่” แต่นาทีนี้ ดูเหมือน พรรคเพื่อไทย ไม่มีทางเลือกอื่น จึงส่งภูมิธรรม ลุยไฟ ทูลเกล้าฯยุบสภาฯ ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ก.ย.68 และจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นตามมา ค่อยว่ากัน !
ขณะที่ความชัดเจนว่า “อำนาจ” ของรักษาการนายกฯ โดยภูมิธรรม จะสามารถทูลเกล้าฯยุบสภาได้หรือไม่ ยังไม่มีข้อสรุป ปรากฎว่า “พรรคภูมิใจไทย” เดินหน้าแถลงตั้ง “รัฐบาลใหม่” ตามมาติดๆ พร้อมด้วย แกนนำจากพรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่ม18 ของสุชาติ ชมกลิ่น พรรคประชาธิปไตยใหม่ ศักดา วิเชียรศิลป์ จากพรรคเพื่อไทย และ 1 เสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ คือสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา
รวมเบ็ดเสร็จ ยอด “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย อยู่ที่ 146 เสียง จากนั้นจะไปสู่ขั้นตอนการโหวตเลือกนายกฯในสภาฯ ซึ่งจะได้ “143 เสียง” จากพรรคประชาชน เทให้กับอนุทิน เป็นนายกฯคนที่ 32 ด้วยแต้ม "289 เสียง" ถือว่าเกินกึ่งหนึ่ง คือ 247 เสียงของจำนวนสส.ที่มีอยู่ในสภาฯ เวลานี้ 492เสียง
เกมการเมือง ดำเนินไปอย่างรวดเร็วชนิดที่หลายคนแทบตั้งตัวกันไม่ติด เนื่องจากมีการพลิกกันไป พลิกกันมาแทบทุกชั่วโมง แม้การแถลงตั้งรัฐบาลใหม่ รัฐบาลเสียงข้างน้อย ตามสัญญา ที่พรรคสีน้ำเงินให้ไว้กับพรรคส้ม แต่เกมนี้ดูเหมือนว่ายังไม่จบง่ายๆ
เมื่อเกมเข้าสู่สภาฯ ขั้นตอนในสภาฯจะเดินหน้าไปตามไทม์ไลน์ได้หรือไม่ ยังต้องรอดู เมื่อคนของพรรคเพื่อไทย ด้วยกันถึง2คนนั่งเป็น รองประธานสภาฯ
ศึกระหว่าง “แดง” กับ “น้ำเงิน” จบลงเมื่อ ฝ่ายพรรคภูมิใจไทย กลับมาเป็นฝ่าย “กุมอำนาจ” ฝ่ายบริหาร จากนี้ปฏิบัติการแก้แค้น เอาคืน พรรคเพื่อไทย กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
4 เดือนจากนี้อาจเป็นการเมืองในอุดมคติ สำหรับพรรคสีส้ม แต่ในสังเวียนนี้ การต่อสู้ในเกม ที่ทั้ง "แดง" และ "น้ำเงิน" มีเดิมพันด้วยกันทั้งคู่นั้น ต้องบอกว่า ทั้งลึกซึ้งและโหดร้าย !