วันที่ 2 ก.ย. 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปกรณ์  นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา  ให้สัมภาษณ์ถึงอำนาจการยุบสภาของรักษาการนายกรัฐมนตรีว่า ตอนนี้มีคนพูดกันเยอะไปหมดจนสับสนกันไปหมดแล้ว รอดูแล้วกันว่าจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ให้ความเห็นไปแล้ว ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน

ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วในทางกฎหมายเป็นอย่างไร นายปกรณ์กล่าวว่า ตนพูดอะไรไปก็ถูกตำหนิอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่า แต่คณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล นายปกรณ์ กล่าวว่า ตนได้ให้ความเห็นไปแล้ว ยังยืนยันความเห็นเดิม เมื่อถามอีกว่า วันนี้จะมีการยืนยันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า ครม. จะมีการหารือเรื่องการยุบสภา คณะกรรมการกฤษฎีกาจะให้ความเห็นอย่างไร นายปกรณ์ กล่าวว่า ยังยืนยันในความเห็นเดิม

เมื่อถามว่า จะเป็นอย่างไรถ้ารักษาการนายกฯ ตัดสินใจยุบสภาจริง นายปกรณ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบเหมือนกัน

เมื่อถามย้ำว่า จะมีความผิดในทางกฏหมายหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า เรื่องยังไม่เกิด เราอย่าเพิ่งไปคาดเดาอะไรเลย ยังไม่มีอะไร ใจเย็นๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หน่วยงานไหนจะเป็นผู้ตัดสินได้ชัดเจน นายปกรณ์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วเรื่องการตีความรัฐธรรมนูญเป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ เราเพียงให้ความเห็นกันไปคนละนิดละหน่อย แต่เดี๋ยวพูดกันไปมันจะยุ่ง

เมื่อถามย้ำว่า เรื่องต้องเกิดขึ้นก่อน ถึงจะยื่นได้ใช่หรือไม่ นายปกรณ์ยอมรับว่าใช่ ส่วนผู้ที่มีสิทธิ์ยื่นนั้น เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีอะไรพิสดาร

เมื่อถามว่า ดูเหมือนรัฐบาลจะไม่เชื่อคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล นายปกรณ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ท่านต้องพิจารณาตามความเหมาะสม ซึ่งก็มีความเห็นทางวิชาการหลากหลาย เพราะฉะนั้น ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็แล้วแต่ แต่ตนได้ให้ความเห็นตามหลักไปแล้ว จะว่าอย่างไรเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องตัดสินใจ

เมื่อถามอีกว่า ถ้ารัฐบาลยุบสภาแล้วมีคนไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญการเมืองในช่วงนั้นจะเป็นอย่างไร นายปกรณ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เรื่องยังไม่เกิด ขอไม่ตอบดีกว่า เดี๋ยวนักวิชาการจะมาว่าตนอีก ว่าตนไม่ใช่นักวิชาการไปพูดอะไรมากมาย