“มังสวิรัติ”เทรนด์ฮิต2019

มาแรงแซงเมนูอื่นๆ ถึงขนาดเหล่านิตยสารด้านเศรษฐกิจชื่อดังระดับโลก ยกให้เป็นเทรนด์รายการอาหารสุดฮิตของปี 2019 หรือ พ.ศ. 2562 นี้เลยทีเดียว สำหรับ “รายการอาหารประเภทมังสวิรัติ” ในเมนูต่างๆ ทั้งหลาย เมื่อปรากฏว่า บรรดานิตยสารด้านเศรษฐกิจชื่อก้อง อย่าง “ฟอร์บส์” และ “ดิ อิ โคโนมิสต์” เป็นอาทิ ได้หยิบขึ้นมายกย่องกันเลยทีเดียว ไม่เว้นแม้กระทั่งคอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์ดังในถิ่นลุงแซม แดนสหรัฐฯ เช่น “นิวยอร์กไทม์ส” ก็ยกให้เป็นเทรนด์เมนูอาหารระดับแถวหน้า ณ ชั่วโมงนี้ไว้ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทั้ง “ฟอร์บส์” และ “ดิ อิโคโนมิสต์” ที่ยกย่องให้ว่า น่าจะเป็น “ปีแห่งอาหารมังสวิรัติ” หรือที่บางคนเรียกว่า “อาหารวีแกน (Vegan)” ซึ่งเป็นอาหารที่ทำจากพืช ผัก ผลไม้ ธัญพืช ปราศจากส่วนผสมของเนื้อสัตว์ ทั้งนี้ บรรดานิตยสารด้านเศรษฐกิจเหล่านั้น ไม่ได้ยกย่องลอยๆ เฉยๆ แต่ยังเปิดเผยถึงผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนผ่านทางระบบเว็บไซต์ สังคมออนไลน์ แล้วได้ผลออกมาว่า ร้อยละ 54 ซึ่งเป็นตัวเลขของกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ตอบว่า นิยมชมชอบรับประทานอาหารที่ปลอดจากเนื้อสัตว์ คือ อาหารมังสวิรัติ นั่น!...เป็นตัวเลขของเมื่อช่วงเดือน ม.ค.ที่เพิ่งผ่านไป ซึ่งทางนิตยสารก็ยังระบุด้วยว่า มีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้นด้วยสำหรับมังสวิรัติที่กำลังเป็นเมนูยอดฮิตนี้ โดยความยอดฮิต ก็มิใช่มีแต่เฉพาะการที่ผู้บริโภคเดินทางไปนั่งรับประทานถึงที่ร้านเพียงอย่างเดียว ทว่า การสั่งอาหารแบบประเภท “จากร้านส่งตรงถึงบ้าน” หรือแบบ “เดลิเวอรี (Delivery)” ก็มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่าที่ผ่านๆ มาเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใน “สหรัฐอเมริกา” หลังการสำรวจจาก “อูเบอร์ อีทส์ (Uber Eats)” ธุรกิจผู้ให้บริการส่งอาหารจากร้านที่จำหน่ายถึงบ้านที่สั่งซื้อ โดยมีทั้งในแบบอาหารทั่วๆ ไป และอาหารประเภทจานด่วน ปรากฏว่า เมนูมังสวิรัติ ที่ส่วนผสมมีแต่พืชผัก กับผลไม้ ตลอดช่วงปี 2018 (พ.ศ. 2561) เพิ่มมากขึ้นจากเมื่อช่วงปีก่อนๆ ด้วยตัวเลขของยอดขายที่มีมากกว่า 2,000 ล้านรายการ ส่งผลให้ยอดเติบโต หรือการขยายตัวก็เพิ่มขึ้นเป็นกว่าร้อยละ 8 ยิ่งสถานการณ์ในจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว ก็ปรากฏว่า มีอัตราการเติบโตยิ่งกว่าในสหรัฐฯ ด้วยจำนวนตัวเลขถึงร้อยละ 17 แต่ที่นับว่า ตัวเลขทะยานพุ่งยิ่งกว่าประเทศใด ก็เห็นจะเป็นเมืองผู้ดี “อังกฤษ” ที่เพิ่มขึ้นถึงเกือบ 1,000 เปอร์เซ็นต์ คือ ร้อยละ987 เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อช่วงปีก่อนๆ โดยสถานการณ์ในอังกฤษนั้น ต้องบอกเป็นเมนูยอดฮิตตั้งแต่ปี 2017 (พ.ศ. 2560) ลากเลยมาถึงปี 2018 (พ.ศ.2561) ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน และยังมีแนวโน้มไปถึงอนาคตด้วย ซึ่งกระแสฮอตฮิตติดเทรนด์ข้างต้น ก็ยังส่งผลให้เกิดความต้องการพื้นที่ปลูกพืช ผัก ธัญพืช อย่างมหาศาลดุจเงาตามตัวของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงมากขึ้นด้วย ถึงขนาดจัดเป็นอีเวนต์ประจำเดือนของเดือนมกราคม อันเป็นเดือนแรกของปี เรียกว่า วีแกนยัวรี (Veganuary)” คล้ายๆ กับเอาฤกษ์ เอาชัย ในเดือนแรกของปีเป็นปฐมกันก่อนเลยทีเดียว ด้วยการรับประทานแต่อาหารมังสวิรัติตลอดช่วงเดือน ม.ค.นี้ อันรวมไปถึงการงดเว้นดื่มสุราของมึนเมาในช่วงเดือนนี้ด้วย ส่วนเหตุผลที่เป็นแรงสนับสนุนสำคัญอันทำให้กระแสอาหารมังสวิรัติเป็นเมนูเทรนด์ฮิต ก็มีหลายประการด้วยกัน ได้แก่ การรักษาสุขภาพอย่างยั่งยืน และเรื่องความมีเมตตาธรรมที่ไม่ต้องการไปเบียดเบียนสัตว์ โดยในประเด็นของการรักษาสุขภาพนั้น ก็ถือเป็นอีกเทรนด์ฮิตในเวลานี้ที่ผู้คนหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ ซึ่งหากรับประทานมากไป ก็อาจกลายเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ตามมาได้ ส่งผลให้ผู้คนสนใจหันมารับประทานอาหารเมนูมังสวิรัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พืช ผัก ผลไม้ และธัญพืช แบบ “ออร์แกนิก” ที่มีรูปแบบการเพาะปลูกแบบ “เกษตรอินทรีย์” ปลอดสารพิษ ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคเป็นพิเศษ จนส่งผลให้กิจการร้านอาหารประเภทนี้ในสหรัฐฯ มีอัตราการเติบโตขยายตัวรวดเร็วที่สุดในพื้นที่หลายรัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับร้านอาหารประเภทเมนูอื่นๆ หรือแม้กระทั่งมังสวิรัติด้วยกัน เช่นเดียวกับสถานการณ์ร้านอาหารเมนูมังสวิรัติต่างๆ ทั่วโลกก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์แสดงทรรศนะระบุว่า ด้วยมูลค่าตัวเลขการค้าขายทั่วโลกของปีล่าสุดจำนวนมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จึงเป็นอีกช่องทางธุรกิจทำเงินอีกประเภทหนึ่งที่น่าสนใจยิ่ง สำหรับ อาหารมังสวิรัติที่ให้ประโยชน์ทั้งต่อผู้บริโภคและผู้จัดจำหน่าย