วันที่ 1 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nattacha Boonchaiinsawat - ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ระบุว่า...
ท่ามกลางวิกฤตการณ์ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล เป้าหมายของพรรคประชาชนคือเร่งให้มีการจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ และอีกเป้าหมายหนึ่งที่จะปลดล็อกปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำซากในช่วงที่ผ่านมาคือ การผลักดันให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เครื่องมือสำคัญของพรรคประชาชนในการผลักดันให้เกิดสิ่งดังกล่าว คือเสียงของสส.พรรคประชาชน จำนวนประมาณ 143 เสียง ในกรณีที่ไม่มีพรรคใดสามารถรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคประชาชนจะใช้เสียงสส.ของพรรค ยกมือให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่สามารถรับเงื่อนไขของพรรคประชาชนได้ โดยที่พรรคประชาชนไม่ร่วมรัฐบาล ซึ่งจะเกิดการตั้ง “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ที่พรรคประชาชนไม่ได้อยู่ร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรคประชาชนจะสามารถใช้กลไกในสภา เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในการล้มรัฐบาลได้ในทันที หากรัฐบาลเสียงข้างน้อยนั้น ไม่ดำเนินการให้เป็นไปตาม ToR ที่ได้ตกลงกันไว้
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกฉากทัศน์อื่น ๆ ที่ต้องพิจารณา เช่น การดึง สส. ต่างพรรค หรือการสลับขั้วการร่วมรัฐบาลภายหลังจากได้ตัวนายกรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งอาจทำให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างมาก ที่ทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้นในการบิดพลิ้ว ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงใน ToR ที่ได้ประกาศไว้
สำหรับอีกทางเลือกของพรรคประชาชนคือ ไม่ยกมือสนับสนุนแคนดิเดตจากพรรคใดเป็นรัฐบาล ซึ่งจะเป็นการปล่อยให้สถานการณ์ไหลไปสู่การรวมเสียงข้างมากปริ่มน้ำแบบที่รัฐบาลเพื่อไทยเป็นอยู่ในปัจจุบันได้ หรืออาจไหลไปสู่การได้มาซึ่งนายกคนนอก หรือนายกที่มาจากการคณะปฏิวัติรัฐประหาร ก็เป็นฉากทัศน์ที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาอย่างรอบด้าน
ทุกการตัดสินใจมีความเสี่ยง และมีข้อได้เปรียบแตกต่างกัน การพิจารณาในครั้งนี้ ควรพิจารณาด้วยโจทย์คำถามที่ว่า “ประเทศไทย จะได้หรือเสียอะไร” และพรรคประชาชนจะใช้เสียงของ สส. ทั้งหมดที่มีอยู่ ในการกำกับทิศทางประเทศให้เดินไปสู่จุดนั้นได้อย่างไร