วันที่ 1 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์สภาพอากาศจากอิทธิพลของพายุ "หนองฟ้า" โดยล่าสุด กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศฉบับที่ 9 (232/2568) เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา ระบุว่า หย่อมความกดอากาศต่ำที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชัน "หนองฟ้า" ได้เคลื่อนตามแนวร่องมรสุมเข้าปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนล่าง และจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศเมียนมาในวันพรุ่งนี้ ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย

จากอิทธิพลดังกล่าว ทำให้ภาคเหนือด้านตะวันตกยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณ จังหวัดลำปาง สุโขทัย กำแพงเพชร ลำพูน เชียงใหม่ ตาก และแม่ฮ่องสอน ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่ม

สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่ง ส่วนประชาชนบริเวณชายฝั่งภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกตอนบน ควรระมัดระวังอันตรายจากคลื่นที่ชัดเข้าหาฝั่งในช่วงวันที่ 31 ส.ค. - 2 ก.ย. 68

ด้านสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ออกประกาศฉบับที่ 19/2568 เตือนเฝ้าระวังน้ำหลาก น้ำท่วมขัง และระดับน้ำในแม่น้ำโขงและแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะเพิ่มสูงขึ้นระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม - 3 กันยายน 2568 ส่งผลให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ประสานงานไปยังกรุงเทพมหานคร เพื่อแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลในวันนี้ (1 ก.ย. 68) สำนักการระบายน้ำ กทม. รายงานว่าจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกปานกลางถึงหนัก ปริมาณฝนสูงสุดวัดได้ที่จุดวัดคลองบางนา-ถ.ศรีนครินทร์ เขตบางนา 51.0 มม. อย่างไรก็ตาม มีรายงานจุดเร่งการระบายน้ำบนถนนสายหลัก 2 รายการ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติแล้ว

ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแนวคันกั้นน้ำด้านตะวันออกยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำที่นครสวรรค์อยู่ที่ 1,628 ลบ.ม./วินาที และเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำ 1,300 ลบ.ม./วินาที ขณะที่ฐานน้ำขึ้นสูงสุดแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าสถานีกองบัญชาการกองทัพเรือบ่ายวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ +0.96 ม.รทก. ในเวลา 21:00 น.

ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์ได้ที่เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา www.tmd.go.th หรือสายด่วน 1182 ตลอด 24 ชั่วโมง และเว็บไซต์สำนักการระบายน้ำ https://dds.bangkok.go.th