วันที่ 31 ส.ค.2567 น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.ศึกษาธิการ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงข้อเสนอของพรรคประชาชนที่กำหนดเงื่อนไขสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนการยุบสภาและเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ซึ่งประชาชนคนไทยทุกคนทราบดีว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ประกาศเป้าหมายสอดคล้องกันมาโดยตลอด คือ รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2560 มีปัญหาและต้องได้รับการแก้ไข ดังนั้น เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลก็ตั้งกลไกศึกษาแนวทางแก้รัฐธรรมนูญอย่างเป็นรูปธรรม แต่พรรคภูมิใจไทยกลับเป็นอุปสรรคขัดขวางและไม่เคยจริงใจต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มากไปกว่านั้น พรรคภูมิใจไทยยังด่างพร้อยด้วยคดีที่ดินเขากระโดง ลามไปถึงถูกตรวจสอบในคดีฮั้ว สว. ซึ่งมีที่มาจากรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2560 ข้อครหาเหล่านี้สร้างความคลางแคลงใจต่อประชาชนอย่างกว้างขวาง คำถามคือ ต่อหน้าประชาชนคนไทยทั้งประเทศนี้ พรรคประชาชนจะฝากความหวังและอนาคตไว้กับพรรคภูมิใจไทยได้อย่างไร?
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ในทางกลับกัน แม้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยอาจยังทำไม่ครบถ้วนตามนโยบายที่ประกาศไว้ด้วยข้อจำกัดทางการเมือง แต่หลายเรื่องที่ดำเนินการ เช่น การเอากัญชากลับเข้าสู่บัญชียาเสพติดได้สำเร็จ เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดและปกป้องเยาวชน ถือเป็นการแสดงเจตนารมณ์จริงจังของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย อย่างที่พรรคภูมิใจไทยไม่แม้แต่จะคิดหรือทำได้สำเร็จเลยแม้เคยมีอำนาจอยู่ในมือก็ตาม แล้วพรรคประชาชนต้องการจะถูกจดจำว่าเป็นผู้มอบอำนาจบริหารประเทศให้พรรคภูมิใจไทยหรือไม่?
“ดิฉันจึงฝากคำถามให้ชวนคิดว่า ถ้าหัวใจสำคัญคือการร่วมมือกันแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ อย่างที่พรรคเพื่อไทยและพราคประชาชนเคยเดินร่วมทางกันมาตั้งแต่แรก ขอให้คิดให้ดี อย่าเป็นนั่งร้านให้พรรคที่ไม่มีเจตนารมณ์เรื่องนี้ มาร่วมกับพรรคเพื่อไทยสร้างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนใหม่ให้คนไทยกันนะคะ หากวันนี้พรรคประชาชน เลือกที่จะร่วมยกมือให้กับพรรคภูมิใจไทย จะตอบประชาชนด้วยความมั่นใจได้อย่างไรว่า เสียงของผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคของท่านจะไม่ถูกใช้เป็นนั่งร้านให้พรรคที่ไม่มีเจตนารมณ์ร่วมกันนี้มาตั้งแต่ต้น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ อย่างที่พรรคประชาชน ประสานเสียงสอดคล้องกับพรรคเพื่อไทยมาแต่แรก เพราะพรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน"น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว