"คณะรวมพลังแผ่นดิน” นัดชุมนุมใหญ่ 31 ส.ค. อนุสาวรีย์ชัยฯ จตุพร ลั่น 6 เงื่อนไขตั้งรัฐบาลใหม่ แคนดิเดตนายกฯ ต้องไม่มาจากเพื่อไทย ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ ยันเป็นอำนาจต่อรองของประชาชน ก่อนสภาโหวตนายกฯ
วันที่ 30 ส.ค. เวลา 13.00น. ที่ ร.ร.รัตนโกสินทร์ คณะแกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิติธร ล้ำเหลือ นายพิชิต ไชยมงคล และ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ฯลฯ แถลงข่าวยืนยันจัดการชุมนุมใหญ่ขึ้นในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตั้งแต่เวลา 12.00น. เป็นต้นไป เพื่อแสดงพลังและส่งสัญญาณไปยังพรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ว่า ประชาชนไม่ต้องให้ พรรคเพื่อไทยบริหารประเทศอีกต่อไป ส่วนใครจะมาบริหารประเทศต่อนั้น ต้องเป็นบุคคลที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติน้อยที่สุด
นายจตุพร กล่าวว่า การพ้นตำแหน่งของน.ส.แพทองธาร ไม่ใช่ชัยชนะของประชาชน แต่เป็นเพียงการเปลี่ยนหน้า หากยังคงให้พรรคเพื่อไทยส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อไป ย่อมไม่ต่างอะไรจากการสืบทอดอำนาจของกลุ่มการเมืองเดิม และจะนำไปสู่การถูกต่อต้านจากสังคม พร้อมย้ำว่า ต้องการให้รัฐตนายกฯ คนใหม่ ต้องไม่มาจากพรรคเพื่อไทยโดยเด็ดขาด 2.หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องไม่แตะต้อง หมวด 1 และหมวด 2 3.ต้องยกเลิก MOU 43,44 ที่ลงนามกับกัมพูชา 4.ต้องยกเลิกร่างแก้ไข พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ ที่ขยายสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์จาก 30 ปี เป็น 99 ปี 5.ต้องยกเลิกร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือร่าง เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่อนุญาตให้มีคาสิโน และ 6.ต้องยกเลิกร่างพ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน ข้อเสนอเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของกลุ่มการเมืองใด แต่เป็น อำนาจต่อรองของประชาชน เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลใหม่เดินซ้ำรอยเดิม และสร้างความเสียหายให้ประเทศในระยะยาว
นายจตุพร กล่าวย้ำว่า แม้หลายฝ่ายอาจยังลังเลที่จะออกมาร่วมชุมนุม แต่หากรอให้การเมืองเดินไปข้างหน้าโดยไม่มีเสียงประชาชน วันข้างหน้าจะยิ่งแก้ไขยากและต้องเหนื่อยกว่าหลายเท่า จึงขอให้ประชาชนจากทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มาร่วมกันแสดงพลัง เพื่อให้พรรคการเมืองตระหนักว่าประชาชนคือผู้มีสิทธิขีดเส้นทางการเมือง ไม่ใช่นักการเมืองเพียงกลุ่มเดียว
ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี กล่าวเสริมว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ทำให้เก้าอี้นายกฯ ว่างลง เปรียบเสมือน “การเตะหมูเข้าปากสุนัข” เพราะพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยยังยืนยันจะเดินหน้ารับข้อเสนอของพรรคประชาชนในการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสถาบันหลักของชาติ และเป็นสิ่งที่ภาคประชาชนไม่อาจยอมรับได้