วันที่ 29 ส.ค.68 ที่ตำรวจสืบสวนภูธรภาค 2 นำโดย พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 , ตำรวจสืบสวนภาค 1 และ ตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดสระบุรี ร่วมทำการสืบสวนติดตามเครือข่ายถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ จนสืบทราบว่ามีกลุ่มคุมคนไทยรับจ้างถอนเงินสดหน้าเคาน์เตอร์ธนาคาร การสืบสวนพบว่ากลุ่มนี้แบ่งหน้าที่ชัดเจน มีทั้งทีมสั่งการ ทีมจัดหาบัญชีม้า และทีมควบคุมผู้ที่ไปถอนเงิน โดยใช้คนไทยเป็นผู้ถอนเงินสดจากบัญชีม้า ผ่านหน้าเคาน์เตอร์ธนาคาร มีความเคลื่อนไหวในพื้นที่ จว.ฉะเชิงเทรา จึงได้รวบรวมข้อมูลและลงพื้นที่ตรวจสอบยังธนาคารแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้ากลางเมืองฉะเชิงเทรา

พล.ต.ต.ธีระชัย  กล่าวว่าเมื่อวันที่ 29 ส.ค.68 ที่ผ่านมาเวลาประมาณ 13.00 น. ตำรวจสืบสวนภาค2 เข้าจับกุมผู้ต้องหา กลุ่มคนไทยที่เกี่ยวข้องกับขบวนการถอนเงินสดให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ บริเวณธนาคารภายในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองฉะเชิงเทรา ได้รวม 6 คน แบ่งเป็นเจ้าของบัญชีม้า 2 ราย และผู้ควบคุมการถอนเงินอีก 4 ราย พร้อมของกลางเป็นเงินสดจำนวน 770,000 บาท ทั้งนี้พบว่ามีเงินอีก จำนวน 790,000 บาท โอนเข้าบัญชีม้า แต่เจ้าของบัญชีม้าถูกจับกุมเสียก่อน จึงยังไม่ได้มีการถอนหน้าเคาน์เตอร์ธนาคาร

จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 เวลา 15.00 น. มีผู้เสียหายแจ้งความที่ สน.พหลโยธิน ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรหลอกว่าเป็นพนักงานบริษัท Ais แจ้งผู้เสียหายว่ามีคนนำบัตรประชาชนของผู้เสียหายไปเปิดเบอร์โทรศัพท์ โดยเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสาพติดและคดีฟอกเงิน ข่มขู่จนเกิดความกลัว และหลอกให้โอนเงินจำนวน 500,000 บาท เข้าบัญชีของ น.ส.พนิดา ศรีสวัสดิ์ และบัญชี นายประวิทย์ พิมพ์สอน จำนวน 500,000 บาท ซึ่งเป็นบัญชีม้า เมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกัน ความเสียหายรวมทั้งสิ้น จำนวน 1,000,000 บาท 

หลังจากได้รับแจ้งเหตุไม่นาน ตำรวจสืบสวนภาค 2 จึงลงพื้นที่และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทันที พร้อมยึดเงินที่ได้จากการหลอกลวงส่วนหนึ่งไว้เป็นของกลาง จากการซักถามเกี่ยวกับสัดส่วนการแบ่งผลประโยชน์ได้ความว่า เจ้าของบัญชีม้าได้รับส่วนแบ่งบัญชีละ 3,500 บาท ส่วนทีมควบคุมการถอนเงิน ได้ส่วนแบ่ง 2.2% จากยอดเงินที่ถอนได้  เงินทั้งหมดที่ได้จากการถอนจะนำส่งให้กับคนไทยไม่รู้ว่าเป็นใคร ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าดูในกลุ่มแชทสนทนาแอพพลิเคชั่นเทเลแกรม แล้วจะสั่งการให้บุคคลมารับเงินกับกลุ่มผู้ต้องหาอีกทอดหนึ่ง แต่ละครั้งไม่ซ้ำหน้ากัน ผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมการถอนเงินดังกล่าว ก่อเหตุมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ครั้ง  

เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์, เป็นธุระจัดหา เพื่อให้มีการซื้อขายให้เช่า หรือให้ยืมบัญชีธนาคาร, เปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝาก ฯ ,ร่วมกันเป็นอั้งยี่ซ่องโจร และร่วมกันฟอกเงิน” จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ส่ง สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ดำเนินคดีตามกฏหมาย  นอกจากนี้จะขยายผลดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการรายอื่นต่อไป และดำเนินการคืนเงินของกลางให้ผู้เสียหายตามขั้นตอน

ฝากประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนทุกคนว่า บัญชีม้าถือเป็นส่วนหนึ่งในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการจัดหาบัญชีม้ามีความผิดฐาน เป็นธุระจัดหาบัญชีม้า มีโทษจำคุกสูงถึง 5 ปี ปรับ 500,000 บาท ผู้เปิดบัญชีม้า มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 300,000 บาท ซึ่งที่ผ่านมาศาลลงโทษจำคุกเกือบทุกราย ขอให้ประชาชนอย่าเข้าไปมีส่วนร่วมกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งการจัดหาบัญชีม้า และเป็นผู้เปิดบัญชีม้า หรือนำพาบัญชีม้า นอกจากนี้แล้ว หากบัญชีม้ามีเงินจากการฉ้อโกง หลอกลวงโอนเข้าบัญชีจะมีความผิดในข้อหาฉ้อโกงประชาชน , อั้งยี่ ซ่องโจร , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ,​รวมทั้งข้อหาฟอกเงิน และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ อีกส่วนหนึ่งด้วย