วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยครั้งประวัติศาสตร์ มีมติให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลว่าการปรากฏในคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกฯกัมพูชาเข้าข่าย ““ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง”

การพ้นจากตำแหน่งดังกล่าว มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ซึ่งเป็นวันที่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว และทันทีที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่างลง คณะรัฐมนตรีทั้งคณะก็สิ้นสภาพตามไปด้วย เหลือเพียงหน้าที่รักษาการจนกว่าจะมีคณะใหม่เข้ามาแทน

สถานการณ์นี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมือง พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลต้องหาทางออกโดยเร็ว และชื่อที่ถูกหยิบขึ้นมาคือ “นายชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ยังอยู่ในบัญชีรายชื่อพรรค

นายชัยเกษมเป็นอดีตอัยการสูงสุดและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้มีภาพลักษณ์สุขุมและไม่สร้างศัตรูการเมืองรุนแรง แต่ปัญหาใหญ่ที่ต้องแบกรับคือ “แถลงการณ์แก้ ม.112” เมื่อปี 2564 ที่แม้จะไม่ถูกตีความว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง แต่ก็ยังเป็น “บาดแผลการเมือง” ที่สามารถถูกขุดมาโจมตีได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะในบรรยากาศหลังคำวินิจฉัยที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังได้เปรียบ

ขณะที่อีกด้านหนึ่งมีรายงานข่าวว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นางสาวแพทองธารพ้นจากตำแหน่งนายกฯ  “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยพร้อมด้วยแกนนำพรรคได้เข้าหารือกับแกนนำพรรคประชาชน ซึ่งประกาศจุดยืนไว้ชัดว่า จะโหวตสนับสนุนพรรคที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่จะไม่เข้าร่วมบริหาร โดยตั้งเงื่อนไขสำคัญให้พรรคการเมืองที่ตั้งรัฐบาลต้องปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของพรรคประชาชน คือยุบสภาภายใน 4 เดือน และให้มีการทำประชามติเพื่อจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ

กระแสข่าวการพบกันระหว่างระหว่างแกนนำพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชนครั้งนี้ จึงถูกตีความว่าเป็นการ “ขอเสียงหนุน” เพื่อปูทางสู่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยอาศัยโมเดลการเมืองที่พรรคประชาชนเคยประกาศไว้ นั่นคือพร้อมยกมือสนับสนุน แต่ไม่ขอถืออำนาจบริหาร

จากข่าวนี้ นับเป็นการเดินหมากที่ทำให้นายอนุทินกลับมามีบทบาทในฐานะ “ตัวเต็งนายกรัฐมนตรี” อีกครั้ง เพราะการได้เสียงสนับสนุนจากพรรคประชาชน ย่อมหมายถึงการเพิ่มน้ำหนักในการต่อรองกับขั้วการเมืองอื่น และอาจพลิกเกมให้ภูมิใจไทยก้าวขึ้นมาเป็นแกนนำรัฐบาลแทนพรรคเพื่อไทยได้ หากนายชัยเกษมไม่สามารถผ่านด่านการโหวตในสภา

สมการการเมืองไทยหลังวันที่ 29 สิงหาคม จึงกลายเป็นภาพฝุ่นตลบที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน พรรคเพื่อไทยยังคงพยายามผลักดันนายชัยเกษมขึ้นเป็นทางออก แต่บาดแผลเก่าและแรงโจมตีที่รออยู่ทำให้เส้นทางไม่ได้ราบเรียบ ขณะเดียวกันนายอนุทินก็เดินเกมเงียบแต่แหลมคม ด้วยการเปิดเจรจากับพรรคประชาชนเพื่อขอเสียงสนับสนุน หากภูมิใจไทยจับมือกับขั้วอื่นได้สำเร็จ เก้าอี้นายกรัฐมนตรีอาจไม่ตกอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทยอีกต่อไป

สิ่งที่ชัดเจนในเวลานี้คือ ศาลรัฐธรรมนูญได้จบเกมหนึ่ง แต่ได้เปิดเกมใหม่ที่ซับซ้อนกว่าเดิม เกมชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีกำลังเข้าสู่ภาวะต่อรองเต็มรูปแบบ และในฝุ่นควันที่ปกคลุมอนาคตการเมืองไทย เส้นชัยยังคงพร่าเลือนว่าใครจะได้ครอบครองอำนาจสูงสุดระหว่าง “ชัยเกษม” ที่เป็นไพ่ในมือพรรคเพื่อไทย หรือ “อนุทิน” ที่อาจพลิกสถานการณ์ด้วยเสียงสนับสนุนจากพรรคประชาชน

                                  

#อนุทิน #ชัยเกษม #ศาลรัฐธรรมนูญ #แพทองธาร #พรรคเพื่อไทย #พรรคภูมิใจไทย #พรรคประชาชน #การเมืองไทย #ข่าวการเมืองล่าสุด #ฝุ่นตลบ #ศึกชิงเก้าอี้นายกฯ #เปิดศึกการเมือง #เดิมพันสูงสุด #การเมืองร้อนแรง#ThaiPolitics #BreakingNews #PoliticalCrisis #Thailand