กรมชลฯ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ EEC ย้ำแผนการบริหารจัดการน้ำเป็นไปตามเป้าหมาย พร้อมรองรับกิจกรรมทุกภาคส่วน ทั้งภาคการผลิต อุตสาหกรรม เกษตรกรรม และอุปโภคบริโภค สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ
วันที่ 29 ส.ค.68 นายทินกร เหลือล้น ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 9 พร้อมคณะผู้บริหารในพื้นที่ ได้ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งครอบคลุมจังหวัดฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, และระยอง เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าการบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพและสามารถสนับสนุนทุกกิจกรรมได้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี
นายทินกร เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (29 ส.ค.68) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้ง 58 แห่ง ในพื้นที่ภาคตะวันออก มีปริมาณน้ำเก็บกักรวมกันทั้งสิ้น 1,339 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็นเกือบ 53% ของความจุอ่างฯรวมกัน จนถึงขณะนี้มีผลการสูบน้ำโครงข่ายบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออก ดังนี้
1) การสูบผันน้ำจากคลองพระองค์ฯและคลองชลประทานพานทอง มาเติมน้ำต้นทุนในอ่างฯบางพระ ปริมาณน้ำสะสมรวมประมาณ 35.4 ล้านลบ.ม.
2) การสูบผันน้ำจากแม่น้ำบางปะกง มาเติมน้ำต้นทุนให้อ่างฯบางพระ ปริมาณน้ำสะสมรวม 3.53 ล้านลบ.ม.
3) การสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ ไปยังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ปริมาณน้ำสะสมรวม 27.74 ล้านลบ.ม.
4) การสูบผันน้ำกลับจากคลองสะพานไปยังอ่างเก็บน้ำประแสร์ ปริมาณน้ำสะสมรวม 9.11 ล้านลบ.ม.
5) การสูบผันน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปยังอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ เพื่อไปเสริมน้ำต้นทุนให้กับอ่างฯหนองปลาไหล ปริมาณน้ำสะสมรวม 20.16 ล้านลบ.ม.
6) การสูบผันน้ำกลับจากวัดละหารไร่ไปยังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ปริมาณน้ำสะสมรวม 1.69 ล้านลบ.ม. ซึ่งถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้
ทั้งนี้กรมชลประทานได้ดำเนินการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝนอย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรการที่กำหนดไว้ ควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำในอ่างเก็บน้ำให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยคาดการณ์ว่าเมื่อสิ้นสุดฤดูฝนในเดือนตุลาคมนี้ จะมีปริมาณน้ำเก็บกักเพียงพอต่อการผลิตน้ำประปา, การรักษาระบบนิเวศ, การควบคุมความเค็ม, การเกษตร และภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออกและเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC ได้อย่างแน่นอนตลอดทั้งปี