ในโลกที่การสื่อสารข้อมูลรวดเร็วภายในเสี้ยววินาที การตัดสินใจของสังคมจึงใช้เหตุผลไม่มากและเชื่อกับข้อมูลที่ได้รับครั้งแรก หรือถูกสร้างภาพให้มีความน่ากลัว มากกว่ามองอย่างเข้าใจ ไม่ต่างจากกรณีปลาหมอคางดำ—ปลาต่างถิ่นที่ถูกตีตราว่าเป็นภัยต่อระบบนิเวศไทย—กำลังกลายเป็นเหยื่อของการสื่อสารด้านเดียว ที่เน้นแต่การกำจัด แต่ยังมีข้อมูลด้านบวกให้คนไทยได้ตัดสินใจ
ขณะที่ประเทศไทยเร่งกำจัดปลาหมอคางดำ แต่อีกฟากหนึ่ง ปลาชนิดนี้เป็นประโยชน์หลายแบบ รวมถึง ใช้เป็นอาหารของผู้คนในหลายประเทศรวมทั้งประเทศแหล่งกำเนิด เช่น กานา โกตดิวัวร์ ฟิลิปปินส์ เป็นต้น ปลาหมอคางดำเป็นแหล่งโปรตีนที่จับได้จากธรรมชาติ ราคาย่อมเยาและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ส่วนคนไทยได้แต่ข้อมูลด้านลบด้านเดียว โดยไม่เคยตรวจสอบหรือเปลี่ยนมุมมอง ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่สังคมไทยตั้งคำถามใหม่ ว่า เราจะจัดการปลาหมอคางดำได้อย่างชาญฉลาด ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้คนและสิ่งแวดล้อม หรือปล่อยให้ความกลัวและข้อมูลด้านเดียวเป็นตัวที่ทำให้เราต้องเสียโอกาสจากปลาชนิดนี้ เป็นปลาตัวร้ายในสายตาคนไทย แต่เป็นปลาที่เป็นประโยชน์ในสายตาโลก?
ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน เช่น ในประเทศต้นทางของปลาหมอคางดำอย่างกานาและโกตดิวัวร์ มันคือ สร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับผู้คน เป็นแหล่งโปรตีนราคาย่อมเยา มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินที่ยั่งยืนมาเนิ่นนาน ปลาชนิดนี้ “กินได้” และ “ควบคุมได้” ด้วยระบบจัดการที่ดี ก็จะเป็นเมนูอาหารไม่ต่างจากปลาน้ำจืดอื่น ๆ ที่เราบริโภคกันทุกวัน
จริงอยู่ข้อมูลทางวิชาการของกรมประมง ระบุว่า ปลาหมอคางดำ เป็นปลาต่างถิ่นรุกราน (invasive species) ด้วยความที่ปลาชนิดนี้ขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว กินอาหารได้หลากหลาย ปรับตัวเก่งในทุกสภาพแวดล้อม มีผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศ หากไม่มีการจัดการและควบคุมอย่างเป็นระบบ ข้อมูลที่สำคัญ คือ ปลาหมอคางดำกินได้ แม้แต่ในห้องเรียนระดับมหาวิทยาลัย ยังมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับปลาหมอคางดำ ว่า "จริงๆ แล้ว ปลาชนิดนี้ มีอันตรายอย่างเดียวหรือ?" และให้เหตุผลว่าในประเทศที่ยากจน และไม่มีความมั่นคงทางอาหาร ต้องบอกว่า ปลาหมอคางดำ เป็นของฟรีจากธรรมชาติ ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ... แต่ทำไมคนไทยกลับมีมุมลบมากมายกับปลาชนิดนี้?
วันนี้ คนไทยกำลังรับข้อมูลด้านเดียวและเลือกที่จะเชื่อ แม้ภาครัฐจะมีกฎระเบียบข้อบังคับชัดเจนและเคร่งครัด ย้ำชัดว่าไทยไม่เคยอนุญาตให้มีการเลี้ยงปลานี้เชิงพาณิชย์ วันนี้สังคมควรมีส่วนร่วมคิดใหม่เกี่ยวกับปลาหมอคางดำ หาวิธีใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สร้างสรรค์ สามารถเปลี่ยนปลาที่ว่าร้าย ให้เป็นปลาเศรษฐกิจ เป็นผลิตภัณฑ์ขายได้ จำหน่ายได้ พลิกสิ่งที่เป็นปัญหา ให้เป็นโอกาสในทุกมิติ เป็นอาหารอีกเมนูของทุกบ้าน
ปลาหมอคางดำอาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่คือจุดเริ่มต้นที่สังคมไทยควรกล้าตั้งคำถาม—เราจะอยู่กับความจริง หรืออยู่กับความกลัว? และปลาชนิดนี้อันตรายจริงหรือ?