“วรวุฒิ ไทยสร้างไทย” หนุนหลักการ รถไฟฟ้าเหลือ 20 บาท แต่ต้องปรับวิธี ลดภาระงบฯ เจรจาเอกชน–กทม.ให้ยั่งยืน แนะปรับโครงสร้างค่าโดยสาร–ระบบตั๋วร่วม ลดต้นทุน แทนใช้เงินภาษีมาอุดหนุน เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการ 

นายวรวุฒิ โตวิรัตน์ รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงความคืบหน้านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายว่า หลักการของโครงการถือเป็นเรื่องที่พรรคสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะเป็นนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชนในเมืองใหญ่ที่ต้องพึ่งพาการเดินทางด้วยระบบราง ซึ่งที่ผ่านมาอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑลถูกมองว่าสูงเกินไปเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยของประชาชน การกำหนดเพดานราคาค่าโดยสารที่เหมาะสมจะช่วยลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นายวรวุฒิ ชี้ว่าวิธีการที่รัฐบาลใช้ในการขับเคลื่อนนโยบายยังเป็นประเด็นที่ต้องทบทวนอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการอุดหนุนผ่านงบประมาณแผ่นดิน เนื่องจากเม็ดเงินที่ใช้ชดเชยผู้ประกอบการรถไฟฟ้าจะสูงถึงกว่า 5,500 ล้านบาทต่อปีในช่วงแรก และยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าใดในอนาคต เมื่อมีเส้นทางเปิดให้บริการมากขึ้น ซึ่งภาระทั้งหมดนี้สุดท้ายก็เป็นเงินภาษีของประชาชนทั้งประเทศ 

รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทยเสนอว่า หากรัฐบาลต้องการให้นโยบายนี้เดินหน้าอย่างยั่งยืนจริง ๆ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดการต้นทุนตั้งแต่ต้นทาง ไม่ใช่ใช้แต่วิธีการอุดหนุน นายวรวุฒิระบุว่า ควรเจรจากับผู้ประกอบการเอกชนเพื่อลดอัตราค่าโดยสารตามสัญญาสัมปทาน รวมถึงหารือกับกรุงเทพมหานครให้ลดการจัดเก็บส่วนแบ่งรายได้จากเส้นทางสายสีเขียว ซึ่งเป็นภาระสำคัญที่ผลักให้ค่าโดยสารสูงกว่าที่ควรจะเป็น การลดภาระในโครงสร้างค่าใช้จ่ายเช่นนี้จะทำให้ราคาตั๋วลดลงได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณชดเชยมหาศาล

นอกจากนี้ควรเร่งผลักดันการบังคับใช้ระบบตั๋วร่วม ให้เกิดขึ้นจริงอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหากผู้โดยสารสามารถใช้บัตรเดียวเดินทางได้ทุกสายโดยไม่ต้องเสียค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน จะช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชนได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้งบประมาณจากภาษี และยังเป็นแนวทางที่ทำให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้ใช้บริการมากกว่าการอุดหนุนค่าโดยสารแบบเหมาโครงการ ซึ่งบางครั้งกลับเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการมากกว่าประชาชน

นายวรวุฒิย้ำว่า พรรคไทยสร้างไทยเห็นด้วยกับเป้าหมายของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายอย่างเต็มที่ แต่รัฐบาลต้องเลือกใช้วิธีการที่ยั่งยืน ไม่กลายเป็นภาระทางการคลังระยะยาวของประเทศ  โดยเสนอว่าควรกำหนดกรอบเวลาและเป้าหมายการอุดหนุนให้ชัดเจน พร้อมเดินหน้าการปรับโครงสร้างค่าโดยสารและรายได้ให้เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เพื่อให้นโยบายนี้ไม่ใช่แค่ประชานิยมชั่วคราว แต่กลายเป็นระบบขนส่งที่ตอบโจทย์ความเป็นเมืองและคุณภาพชีวิตของประชาชนได้จริง ///