จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนุญนัดลงมติและแถลงผลคำวินิจฉัย กรณีสว.ร้องให้วินิจฉัยการสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุนเซน แห่งกัมพูชา เข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรงต้องขาดความเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ ในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 นั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ส.ค.68 นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความเรื่อง  "การเจรจาไม่เป็นทางการ" ของ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย ความว่า                                                                                

ถาม      ตามคำชี้แจงของ นายกฯอุ๊งอิ๊ง ในคดีถอดถอนเธอนั้น  ปรากฏข้อต่อสู้สำคัญอย่างไร

ตอบ      เธอพยายาม  อธิบายว่าการโทรคุยกับฮุนเซ็นวันนั้น เป็น“การเจรจาอย่างไม่เป็นทางการ” ที่พยายามใช้เทคนิคการเจรจา สอบถามความคับข้องใจของพ่อ นายกฯเขมรเท่านั้น  แค่พูดคุยกันแบบนี้ ก็ไม่น่าจะอยู่ในบังคับของ จริยธรรม อะไร  ก็ต้องดูว่าศาลท่านจะเชื่อคำอธิบายนี้หรือไม่

ถาม      อาจารย์ไม่เชื่อหรือ

ตอบ      พ่อนายกฯ เค้าเคยคุยออกมาแล้ว ว่าเราสองประเทศมีช่องทางพูดคุยกันได้  ไม่ต้องห่วง    

การโทรคุยกันวันนั้น เห็นชัดว่าฮุนเซ็นโกรธเรื่อง ทหารไทยปิดด่านมาก ว่า ผิดคำพูดกันชัดๆ  เขมรยอมถอยทหารกลับไปตามที่คุยกันแล้ว  แล้วมาปิดด่านตามหลังได้อย่างไร  เขมรจึงปิดด่านตอบโต้ไทยไปเลย  เข้าใจอย่างนี้แล้วก็เกิดคำถามสำคัญ ลอยขึ้นมาทันทีเลยว่า  “ใครไปผิดคำพูดกับฮุนเซ็น”

ถาม      อาจารย์ว่าใคร

ตอบ      ผมว่าน่าจะเป็นคนในชินวัตรนั่นแหละ  เห็นล่าสุดนี้ทักษิณโผล่มาชี้แจงว่า แท้จริงเราสองตระกูลไม่ได้โกรธอะไรกันหรอก    เป็นเรื่องทหารเขาทำไปตามแผนปฏิบัติการที่กำหนดไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว    ตอนทหารสั่งการลงมานั้น ก็ไม่รู้เลยว่าเรื่องกำลังจะคลี่คลาย

ถาม      พอฮุนเซ็นโกรธมากอย่างนี้ พ่อนายกรัฐมนตรีไทยก็เลยให้ลูกมาเจรจากับพ่อนายกรัฐมนตรีเขมร ตามการประสานงานของพี่ฮวดทันที

ตอบ      ผมเชื่ออย่างนั้นนะ   การพูดจาครั้งนี้มันเป็นการประเล้าประโลมกันมากกว่า  คุณจะเห็นชัดเลยว่า ฮุนเซ็นพูดห้วนๆดุๆตลอดเวลา   มีพี่ฮวดคอยขยายความพูดเอง เออเองหลายตอน   หมอนี่เรียกฮุนเซ็นว่าท่านพ่อ  รับงานประสานชินวัตรมาตลอด  รู้เรื่องทุกอย่าง  ถึงขนาดกล้าถาม นายกฯไทยว่า “พร้อมย้ายทหาร และเปิดด่านหรือไม่ ” นายกฯก็รับว่า “พร้อมค่ะ” ทั้งๆที่ ความตรงนี้ ดูคำถอดความภาษาเขมรทั้งหมดในคลิปแล้ว ฮุนเซ็นไม่ได้ถามเลย

ถาม      นายฮวดเป็นใคร

ตอบ      นายกฯไทย เรียกเขาว่า “พี่ฮวด”  ก็คงคุ้นกันมาก่อนว่า เทศมนตรีพนมเป็ญคนนี้เป็นมือขวาพ่อฮุนเซ็นจริงๆ   นี่ถ้าเป็นการเจรจาความเมืองจริงๆ นายกฯไทย ต้องมีล่ามของตนเองด้วย จะให้ล่ามฝ่ายเขมรมาช่วยเจรจา เติมความเอาเองอย่างนี้ไม่ได้

ถาม      ก็เธอบอกแล้วว่า เป็นการเจรจาไม่เป็นทางการ 

ตอบ      เจรจาอะไรกัน ผมไม่เห็นเธอเสนอ หรือ ต่อรองอะไรเลย  มีแต่การประเล้าประโลมคุณลุงทั้งนั้นว่า  “ เราเป็นพวกเดียวกัน  ทหารไทยเป็นฝ่ายตรงข้าม  จะเอาอะไรขอให้บอก” 

ครั้นลุงบอกให้เปิดด่าน หลานก็รับว่าจะไปคุยกับกลาโหมให้  ทั้งๆที่เรื่องปิดด่านนี้   เป็นมติสภาความมั่นคง ที่มอบงานให้ทหารไปทำแล้ว  เธอเองก็เป็น ประธานสภาความมั่นคงอยู่ด้วย  แล้วไปยอมรับปากเขาได้อย่างไร

ถาม      แล้วเรื่อง ตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ต ล่ะครับ

ตอบ      เธอบอกลุงฮุนว่า  เป็นแค่ขั้นตอนในแผน ที่คุยกันไว้ลอยๆเท่านั้น ไม่มีอะไรจริงจัง   ทั้งๆที่เรื่องนี้กองทัพเขามีหนังสือเสนอ ที่ประชุมสภาความมั่นคงไว้แล้ว   ซึ่งหลังจากคุยกับฮุนเซ็นไว้อย่างนี้แล้ว  ข้อเสนอนี้ของกองทัพ ที่รอประชุม ก็ไม่เข้าสู่ที่ประชุม สมช.ในวันที่ ๑๙ มิถุนายน เลย   ถูกไถลไปเข้า ทีมไทยแลนด์อะไร ไปโน่นเลย

ถาม      แต่ในที่สุด รัฐบาลก็สั่งการให้ตัดไฟตัดเน็ต ปอยเปตไม่ใช่หรือ

ตอบ      นั่นเกิดขึ้นหลังจาก ฮุนเซ็นปล่อยคลิปรั่วออกมาแล้ว   ความแดงแล้ว ถึงต้องกลบเกลื่อน ลงมือตอบโต้เขมรบ้าง  ทุกวันนี้ จะตัดจริงหรือเปล่าก็ไม่ทราบ

ถาม      สรุปแล้ว อาจารย์เห็นว่า ความในคลิปไม่ใช่การเจรจาไม่เป็นทางการ อะไรเลย

ตอบ      ไม่ใช่ครับ   เป็นการประเล้าประโลมขอความเห็นใจเท่านั้น   คำพูดที่ว่า “ขอให้เห็นใจหลาน ที่ถูกเขามองเป็น นายกฯเขมรไปแล้ว ”   นั่นแหละครับ มาจากใจจริง แท้แน่นอนเลย  ไม่ใช่เทคนิคการเจรจาอะไรทั้งสิ้น

ถาม      ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเชื่ออย่างนี้ อะไรจะเกิดขึ้น

ตอบ      ถึงตรงนี้..เราต้องอย่าไปล้ำแดนศาลท่านครับ   มันเป็นการแทรกแซงที่ไม่สมควร  แต่เราก็ยังมีสิทธิศึกษาข้อมูลแล้วพูดความเห็นของเราได้  เพราะเรื่องนี้มันเป็นสาธารณะ รู้กันทั่วไปหมดแล้ว   

วันนี้..ก็พูดกันได้ว่าข้อเท็จจริงมันน่าจะเป็นอย่างไรจริงๆเท่านั้น     ส่วนข้อกฎหมายจะเป็นผิดจริยธรรมข้อไหนบ้างนั้น   เราคนไทยก็ถามตัวเองได้ทุกคนว่า   เราไว้วางใจนายกฯ ที่ทำตัวอย่างนี้ได้หรือไม่