วันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 11.30 น. ที่ สภ.ท่าคันโท อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.ศิรสัณห์ เยื้อนสงวนชัย ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์, นายเวนิช ชูศรีพัฒน์ นายอำเภอท่าคันโท, พ.ต.อ.ขจรฤทธิ์ วงษ์ราช รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์, พ.ต.อ.เอกชัย แสนสระดี ผกก.สภ.ท่าคันโท, พ.ต.อ.นพวิทย์ ดิษฐาธนาธรสิริ ผกก.สืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.ท.สีหนาท จันทร์เหลือง รอง ผกก.สส.สภ.ท่าคันโท, พ.ต.ท.ปาน ปานาโต สว.สส.สภ.ท่าคันโท, ร.ต.อ.นันทวุติ สัตรัตน์ รอง สว.สส.ฯ ,ร.ต.ท.เทพนิมิตร ทราศรี ,ร.ต.ท.สำรวย ทองคำ ร.ต.ต.วุฒินันท์ ตุนาวา, พร้อมชุดสืบสวน สภ.ท่าคันโท และฝ่ายปกครองอำเภอท่าคันโท ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัว น.ส.กาญจนา หรือกบ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดและครอบครองอาวุธปืน หลังร่วมกันกวาดล้างตามนโยบายรัฐบาล
พล.ต.ต.ศิรสัณห์ เยื้อนสงวนชัย ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรภค 4 และนโยบายรัฐบาล ที่ได้เน้นย้ำเกี่ยวกับการป้องกันสกัดกั้นยาเสพติดทุกรูปแบบ และได้เร่งรัดดำเนินการ ป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ภายใต้ปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด "NO Drugs NO Dealers ผนึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด"
ล่าสุดตำรวจสภ.ท่าคันโท ได้ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอท่าคันโท ได้ดำเนินการกวาดล้างยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งอาชญากรรมทุกรูปแบบตามนโยบายของรัฐบาล โดยได้รับการร้องเรียนจากสายลับว่า มีการพบแหล่งมั่วสุมและพฤติกรรมเสี่ยงต่อการค้ายาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายที่ บ้านแสนสุข ม.7 ต.กุดจิก อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่จึงได้บูรณาการเข้าทำการตรวจค้น เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 10.00 น.
โดยผลการตรวจสอบพบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของนายสดใส หรือเม้า (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ซึ่งมีพฤติกรรม จำหน่ายยาเสพติด และเมื่อไปถึงพบ น.ส.กาญจนา หรือกบ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ภรรยา อยู่ในบ้าน ขณะที่นายสดใสหลบหนีไปได้ ผลการตรวจค้น พบยาบ้า จำนวน 1,551 เม็ด และยาบ้าเปียกน้ำ จำนวน 1,386 กรัม นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้พบอาวุธปืนเอเค 47 จำนวน 1 กระบอก พร้อมแม็กกาซีน บรรจุกระสุน จำนวน 22 นัด ปืนลูกซองยาว จำนวน 1 กระบอก ปืนสั้นขนาด 9 มม. พร้อมซองกระสุนปืนจำนวน 1 กระบอก ปืนแก๊ปยาว จำนวน 8 กระบอก ปืนแก๊ปสั้น จำนวน 3 กระบอก ปืนอัดลม จำนวน 3 กระบอก รวมอาวุธปืนจำนวน 17 กระบอก รวมทั้งเครื่องกระสุนปืนขนาด 7.62 มม. จำนวน 36 นัด กระสุนขนาด M60 จำนวน 56 นัด กระสุนขนาด .50 BMG จำนวน 1 นัด กระสุนขนาด 0.30 มม. จำนวน 1 นัด กระสุนขนาด 9 มม. 17 นัด ลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 8 นัด รวมกระสุนปืน จำนวน 119 นัด และเลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 2 เครื่อง จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน และนำตัวน.ส.กาญจนา มาสอบปากคำที่โรงพัก
ทั้งนี้ น.ส.กาญจนา ให้การว่าอ้างว่า ช่วงประมาณกลางเดือนกรกฎาคม 2568 นายสดใส ได้นำยาบ้าดังกล่าวมาเก็บไว้ในบ้าน และอาวุธปืนที่พบทั้งหมด นายสดใส ก็เป็นผู้นำมาเก็บไว้ในบ้าน ตนเคยบอกให้นายสดใสเอาของกลางทั้งหมดไปไว้ที่อื่น นายสดใสได้บอกว่าเอายาบ้าหนีแล้ว เหลือแต่กลิ่นเท่านั้น อย่างอื่นตนไม่รู้เห็นด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี โดยแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ใน ครอบครองโดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันจำหน่าย โดยมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ด้านนายเวนิช ชูศรีพัฒน์ นายอำเภอท่าคันโท กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกับ สภ.ท่าคันโท รวมทั้งชุมชน ดำเนินการป้องกัน ปราบปราม ยาเสพติด ตามนโยบายรัฐบาลอย่างเข้มข้น ส่งผลให้จับกุมผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของการจับผู้ต้องหาและยึดของกลางครั้งนี้ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าคันโท ออกปิดล้อมตรวจค้นตามนโยบาย "เร่งรัดดำเนินการ ป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด"ภายใต้ปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด "NO Drugs NO Dealers ผนึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด" กระทรวงมหาดไทย และ "ยุทธการฟ้าแดดสงยางระดมกวาดล้างยาเสพติด" จ.กาฬสินธุ์ จนสามารถจับกุมผู้กระทำผิด และยึดสิ่งผิดกฎหมายได้เป็นจำนวนมากดังกล่าว ถือได้ว่าเกิดจากความร่วมมือชองชุมชน ที่คอยเป็นหูเป็นตา และแจ้งเบาะแสต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมือง นำมาสู่การตรวจค้นและจับกุมพร้อมยึดของกลางในครั้งนี้
ขณพที่ พ.ต.อ.เอกชัย แสนสระดี ผกก.สภ.ท่าคันโท สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหารายนี้ จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายสดใส สามี น.ส.กาญจนา ที่ไหวตัวทันและอยู่ในระหว่างหลบหนี เป็นบุคคลเป้าหมายที่เจ้าหน้าที่พยายามติดตามตัว และมีประวัติข้องเกี่ยวกับยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งนี้ หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว ก็จะดำเนินการขยายผล เพื่อขอศาลออกหมายจับต่อไป