นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายมารุต อุทัยวัฒนานนท์ รักษาการหัวหน้าฝ่ายควบคุมอาคาร และเจ้าหน้าที่สำนักการช่างเมืองพัทยา ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทางแก้ไขปัญหา ภายในหมู่บ้านซุปเปอร์วิลล่า ซอยเฉลิมพระเกียรติ 29 หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าการรื้อถอนอาคาร ค.ส.ล. ขนาด 7 ชั้น ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงเพื่อเปลี่ยนเป็นโรงแรมขนาดเล็ก ได้ส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ


     
นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า หลังจากที่ชาวบ้านในหมู่บ้านหมู่บ้านซุปเปอร์วิลล่า ซอยเฉลิมพระเกียรติ 29 ได้ร้องเรียนเกี่ยวกับความเดือนร้อนของการดำเนินการปรับปรุงอาคาร เมืองพัทยาและเจ้าหน้าที่ช่างตรวจเขตจึงลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือนร้อน เพื่อหาทางออกร่วมกันให้กับทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า อาคารดังกล่าวแม้มีการขออนุญาตรื้อถอนถูกต้อง แต่พบการก่อสร้างผิดระเบียบ เช่น การล้ำแนวเขตที่ดินและถนนสาธารณะ ส่งผลให้เมืองพัทยาออกคำสั่งทางกฎหมาย ได้แก่ คำสั่ง ค.3 ระงับการก่อสร้าง ค.4 ห้ามใช้อาคาร และค.5 ให้รื้อถอนส่วนที่ผิดระเบียบ คือ 1.ในการรื้อถอนอาคาร ค.ส.ล. ขนาด 7 ชั้น ด้านหน้าอาคาร ขนาดกว้างสุดประมาณ 5.60 เมตร ยาวสุด ประมาณ 15.00 เมตร ยื่นล้ำเข้าไปในแนวเขตถนนบังคับฯ 2. รื้อถอนอาคาร คส.ล. 7 ชั้น ด้านหลังอาคาร ขนาดกว้างสุดประมาณ 1.70 เมตร ยาวสุดประมาณ 15.00 เมตร ยื่นล้ำออกไปจากแนวเขตที่ดิน และขออนุญาตดัดแปลงอาคารจาก 5  ชั้น เป็น 7 ชั้น ภายใน 30 วัน


   
ส่วนมาตรการระหว่างการรื้อถอนนั้นผู้รับจ้างจะทำการติดตั้งงานโพรเทคบริเวณหน้าอาคารที่จะทำการรื้อถอน โดยจะทำโพรเทคสูงกว่าตัวอาคาร 1 เมตร และใช้แผ่นเมทัลชีทติดตั้งให้สูงเท่าตัวอาคาร พร้อมต่อแมทชีทเพิ่มอีก 1 เมตร เพื่อให้สูงกว่าตัวอาคาร 1 เมตร ให้คลุมอาคารและป้องกันฝุ่น และติดตั้งกันชอนในบริเวณด้านข้างของอาคารบริเวรรื้อถอนให้สูงกว่าหลังคาเพื่อนบ้าน 1 เมตร ยาว 20 เซนติเมตร อีกทั้งจะมีการฉีดน้ำตลอดเวลาในขณะที่เครื่องจักรทำงานเพื่อป้องกันฝุ่นละอองที่เกิดจากการรื้อถอน เป็นต้น



นายมาโนช  กล่าวเสริมว่า ก่อนการรื้อถอนจะเริ่ม ต้องมีการทำสัญญารับผิดชอบความเสียหายระหว่างเจ้าของบ้านที่ได้รับผลกระทบกับผู้รับจ้าง โดยมีเจ้าหน้าที่เป็นพยาน หากบ้านข้างเคียงได้รับความเสียหาย ผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบให้กลับคืนสู่สภาพเดิม ซึ่งการรื้อถอนจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน และจะมีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องจากเจ้าหน้าที่เมืองพัทยา เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบซ้ำซ้อนต่อชาวบ้าน