นายด่านศุลกากรแม่สอด ชี้เมียนมาปิดสะพานมิตรภาพ 2 ส่งผลกระทบต่อการค้ารุนแรง การค้าชะงัก-แนะพ่อค้าไทย ต้องปรับตัว ใช้เส้นทางอื่น หรือการปรับเปลี่ยนรูปแบบการค้า ลดการใช้พึ่งพาเส้นทางหลักเพียงอย่างเดียว
วันที่ 26 ส.ค.68 นายพิชยา เจริญสันต์ นายด่านศุลกากรแม่สอด ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวถึงสถานการณ์ในสหภาพเมียนมา ถึงผลกระทบต่อ การที่รัฐบาลเมียนมา ปิดสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2 ว่าการปิดสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 เป็นการปิดเส้นทางการขนส่งสินค้าที่สําคัญอย่างยิ่ง ซึ่งสร้างผลกระทบที่รุนแรงต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะรถบรรทุกสินค้าที่ต้องหยุดชะงักอยู่ที่ด่านฯ ทําให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล และส่งผลโดยตรงต่อการส่งออกสินค้าที่ผ่านเส้นทางนี้ ส่วนการที่ทางการเมียนมาดําเนินการโดยไม่ได้แจ้งให้ไทยทราบล่วงหน้า แสดงให้เห็นถึง การกระทําดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนและขาดการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ซึ่งสร้างความยุ่งยากให้กับผู้ประกอบการและหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลการค้าขายชายแดน เพราะทําให้การวางแผนธุรกิจเป็นไปได้ยากและไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทันทัวงที ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรจะปรับตัวกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน โดยผู้ประกอบการควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและพิจารณาหาแนวทางหรือ เส้นทางสํารองในการส่งออกสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการใช้เส้นทางอื่น หรือการปรับเปลี่ยนรูปแบบการค้าเพื่อลดการพึ่งพาเส้นทางหลักเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับผู้ประกอบการและหน่วยงาน
ภาครัฐเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและวางแผนร่วมกันก็เป็นสิ่งจําเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผลกระทบในระยะยาวนั้น หากสถานการณ์ยังคงยืดเยื้อและมีเหตุการณ์ปิดด่านเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและความน่าเชื่อถือของเส้นทางการค้าในระยะยาว ผู้ประกอบการอาจหันไปพึ่งพาเส้นทางอื่นแทน และในที่สุดอาจทําให้การค้าชายแดนบริเวณนี้ซบเซาลงอย่างถาวร ดังนั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรเร่งหาแนวทางใน การแก้ไขปัญหาร่วมกัน และภายหลังจากที่จังหวัดตาก มีคําสั่งยกเลิกการผ่อนผันช่องทางอื่นนอกจากทางอนุมัติแล้ว ทางด่านศุลกากรฯ ได้จัดการประชุมร่วมกับหน่วยงานอําเภอ และหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมและพิจารณาแนวทางการปฏิบัติในการนําเข้า –ส่งออกสินค้าตามมาตรา 86 วรรคสอง โดยเน้นย้ำถึงความจําเป็นในการจัดระเบียบและควบคุมดูแลการขนส่งของให้เป็นไปอย่างมีระบบ โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้ประชุมซักซ้อมความเข้าใจในการปฏิบัติพิธีการนําเข้า – ส่งออกสินค้าตามมาตรา 86 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ให้กับผู้ประกอบการ โดยมีผู้ประกอบการท่าข้ามธรรมชาติให้ความสนใจเข้าร่วมประชุมเป็นจํานวนมาก ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมได้รับทราบและทําความเข้าใจในข้อปฏิบัติที่หน่วยงานราชการได้แจ้งให้ทราบเป็นอย่างดี จากนั้นเมื่อจังหวัดมีคําสั่งยกเลิกการผ่อนผันช่องทางอื่นนอกจากทางอนุมัติแล้ว
ทางด่านฯ ได้จัดทําประกาศรองรับการปฏิบัติพิธีการศุลกากร ตามมาตรา 86 วรรคสอง เพื่อให้การค้าชายแดนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีการประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน ปรับปรุงการปฏิบัติงานให้มีความเหมาะสม ส่วนสาเหตุที่ต้องมีการยื่นคําร้องล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 วัน เนื่องจากมีขั้นตอนในการส่งเอกสารไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และให้แต่ละหน่วยงานมีระยะเวลาในการพิจารณาคําร้องอย่างเพียงพอ รวมทั้งสามารถจัดเจ้าหน้าที่ร่วมตรวจสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบ ด่านศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาแบ่งประเภทสินค้าเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ของอุปโภคบริโภค สินค้อื่นนอกจากของอุปโภคบริโภค และของที่ต้องผ่านการพิจารณาอนุมัติจากสํานักงานศุลกากรภาคที่ 3 เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการให้บริการแก่ผู้ประกอบการต่อไป