สมาคมผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกแห่งสหราชอาณาจักร (BRC) เปิดเผยในวันนี้ (26 ส.ค.) ว่า ตัวเลขราคาสินค้าในเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน นับเป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 17 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2567 สร้างแรงกดดันระลอกใหม่ให้กับธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่กำลังต่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อสูงที่ยืดเยื้อ

รายงานระบุว่า ปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาสินค้าโดยรวมมาจากราคาอาหารที่ทะยานขึ้นถึง 4.2% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ปีก่อน โดยเฉพาะสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันอย่างเนยและไข่ที่ราคาปรับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อันเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่สูง อุปทานที่ตึงตัวและต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาช็อกโกแลตก็ได้รับผลกระทบจากผลผลิตโกโก้ที่ตกต่ำ

สถานการณ์ดังกล่าวตอกย้ำความกังวลของ BoE ที่เคยระบุไว้เมื่อต้นเดือนว่า ราคาอาหารที่สูงขึ้นกำลังผลักดันการคาดการณ์เงินเฟ้อในหมู่ประชาชน ซึ่งอาจนำไปสู่การเรียกร้องค่าแรงเพิ่มขึ้น และยิ่งซ้ำเติมปัญหาเงินเฟ้อให้รุนแรงขึ้นไปอีก

ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของ UK ในเดือนก.ค. ได้พุ่งแตะ 3.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือนแล้ว และ BoE คาดว่าอาจทะยานถึง 4% ในเดือนก.ย. ก่อนจะทยอยปรับตัวลดลง

นอกเหนือจากปัญหาเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในกลุ่มประเทศ G7 แล้ว BoE ยังต้องเผชิญกับสัญญาณชะลอตัวในตลาดแรงงานอีกด้วย โดยข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์จัดหางาน Adzuna ชี้ว่า ความต้องการจ้างงานในเดือนก.ค. ลดลง โดยตำแหน่งงานว่างลดลง 1.2% จากเดือนก่อนหน้า และอัตราเงินเดือนที่ประกาศรับสมัครก็ลดลง 0.3% สวนทางกับทิศทางในเดือนมิ.ย. ขณะที่ตำแหน่งงานในสายสุขภาพลดลงต่อเนื่อง แต่ความต้องการในภาคการก่อสร้างยังคงแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับเดือนก.ค. ปีก่อน จำนวนตำแหน่งงานว่างยังคงสูงกว่าเล็กน้อยที่ 0.3% และเงินเดือนที่ประกาศรับสมัครสูงขึ้นเกือบ 9%

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กลุ่มผู้บริหารบริษัทค้าปลีกชั้นนำได้ยื่นจดหมายถึงราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลัง เตือนว่าการขึ้นภาษีเพิ่มเติมอาจสวนทางกับคำมั่นสัญญาของรัฐบาลที่ต้องการยกระดับมาตรฐานการครองชีพของประชาชน