"กลาสเทค" ผู้นำธุรกิจกระจกรถยนต์อันดับ 1 ภายใต้แบรนด์ "Glass Heroes" เปิดเกมรุกอุตสาหกรรมกระจกรถยนต์ 3,600 ล้านบาท ชูแผน 5 ปี เปิด 25 สาขา เร่งยกระดับมาตรฐาน การขับขี่ปลอดภัย ด้วยระบบ ADAS เทคโนโลยีระดับโลกจาก Belron มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงในวงการรถยนต์ไทย ช่วยเพิ่มความปลอดภัยผู้ขับขี่ ประหยัดเงิน และรักษาสิ่งแวดล้อม

วันที่ 25 สิงหาคม 2568 นายประวีณ เจียมบุรเศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กลาสเทค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำธุรกิจกระจกรถยนต์ของเมืองไทย กล่าวว่า บริษัทฯได้เซ็นสัญญาดำเนินธุรกิจร่วมกับ Belron ผู้นำในด้านกระจกรถยนต์และความปลอดภัยในการขับขี่ อันดับ 1 ที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในโลก ภายใต้แบรนด์ “Glass Heroes” ตั้งแต่ปี 2567 ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค ปัจจุบันเปิดให้บริการรวม 9 สาขา ในกรุงเทพฯ และชลบุรี และมีแผนขยายสาขาให้ครบ 25 สาขา ภายใน 5 ปี คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท สอดรับกับทิศทางของอุตสาหกรรมกระจกรถยนต์ มูลค่า 3,600 ล้านบาทที่ยังเติบโตต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์

"เทคโนโลยีอุตสาหกรรมรถยนต์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีระบบ AI เข้ามาช่วยให้ผู้ขับขี่มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ผู้บริโภคมีความรู้ และมองหาเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัย เทรนด์เหล่านี้เข้ามาดิสรัปอุตสาหกรรมกระจกรถยนต์ ทำให้เราต้องปรับตัว จากเดิมเมื่อกระจกแตกร้าว ต้องเปลี่ยนกระจกทั้งบาน มีค่าใช้จ่ายสูง พอมีระบบ ADAS ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยเหลือผู้ขับขี่ รวมถึงระบบเซนเซอร์ และซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ที่สามารถซ่อมแซมได้ ทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนกระจกทั้งบาน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจมากขึ้น"

ทั้งนี้เทคโนโลยีของยานยนต์มีการพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ต้นทุนต่อการซ่อมสูงขึ้นมาก ในอุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มนำระบบ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ซึ่งเป็นระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง เวลารถยนต์มีปัญหากระจกแตกร้าวจึงต้องมีการปรับเทียบ (Recalibrate) ระบบ ADAS เพื่อช่วยให้การทำงานของระบบความปลอดภัยรถยนต์มีความแม่นยำมากขึ้น โดยกสาสเทค ได้จับมือกับ Belron ผู้นำในด้านกระจกรถยนต์และความปลอดภัยในการขับขี่ อันดับ 1 ที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันดำเนินธุรกิจใน 44 ประเทศทั่วโลก มีพนักงานกว่า 30,000 คน ให้บริการลูกค้ากว่า 3 ล้านคนทั่วโลก ไทยเป็นประเทศที่ 43 และเป็นประเทศแรกในอาเซียน ที่เปิดให้บริการลูกค้าในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ "Glass Heroes"

ทั้งนี้ "Glass Heroes" มีรูปแบบให้บริการ เรียกว่า "3R" ได้แก่ การซ่อมกระจกรถยนต์ (Repair) การเปลี่ยนกระจกรถยนต์ (Replace) และการปรับเทียบกล้องเซนเซอร์ (Recalibrate) โดยช่างฝีมือที่ผ่านการอบรมจากสถาบันองค์กรวิชาชีพสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ (Institute of the Motro Industry หรือ IMI)

สำหรับการบริการซ่อมกระจกรถยนต์ของ "Glass Heroes" ใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดด้วยเครื่อง ART (Advanced Repair Technology) ที่มีการจดสิทธิบัตร พร้อมด้วยชุดอุปกรณ์ซ่อมกระจกรถยนต์ด้วยน้ำยาชนิดพิเศษจาก Belron และการซ่อมด้วยระบบสุญญากาศที่สามารถทำให้น้ำยาซึมเข้าสู่แผลกระจกรถยนต์ได้ทุกอณูถึงระดับ Micro Crack ที่เครื่องรุ่นเก่าไม่สามารถซ่อมได้ ทำให้แผลเนียน ใส และการันตีความแข็งแรงของการซ่อมกระจกรถยนต์ได้ 100% ที่สำคัญช่วยประหยัดงบประมาณจากเดิมที่ต้องเปลี่ยนกระจกทั้งบานที่มีค่าใช้จ่ายหลักหมื่น เป็นค่าซ่อมหลักพันบาท

นายประวีณ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทจะเน้นสร้างการรับรู้กับลูกค้าถึงความสำคัญของระบบ ADAS ผ่านแคมเปญ "ซ่อม แทน เปลี่ยนกระจกรถยนต์" โดยร่วมกับพันธมิตรอย่างบริษัทประกันภัยรถยนต์ เพื่อชี้ให้เห็นถึงข้อดีของการซ่อมแทนเปลี่ยนกระจกรถยนต์ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่ส่งผลดีต่อเจ้าของรถยนต์เท่านั้น แต่เป็นการสร้างสังคมที่ยั่งยืน ภายใต้หลักการ ESG ครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยช่วยลดขยะจากกระจกรถยนต์เก่า ประหยัดพลังงาน ในการกระบวนการผลิตกระจกใหม่ และลดมลพิษจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตและรีไซเคิล รวมถึงเป็นการสร้างงานให้กับช่างฝีมือที่ต้องใช้ความชำนาญสูง และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยการซ่อมแซมและนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งเป็นการใช้ทรัยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด