กรณี ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้พาแม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง “เจ๊หนึ่ง บางปู” หรือ วรัชญากรณ์ อ่อนธรรม ซึ่งเคยถวายเงินสดให้วัดพระบาทน้ำพุ ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท เข้าแจ้งความเอาผิด “อดีตเจ้าอาวาสหลวงพ่ออลงกต” ที่กองบังคับการปราบปราม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันที่ 25 ส.ค.68 ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ และประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจ ทนายคู่ใจ โดยระบุว่า ฐานความผิดกรณีพระอลงกต หากพิสูจน์ได้ว่ามีการใช้ข้อมูลบุคคลอื่นเพื่อเปิดบัญชีรับบริจาค
1. ปลอมแปลงเอกสารราชการ
• มาตรา 265–266 ป.อาญา → ใบสุทธิอุปสมบทเป็นเอกสารราชการ หากปลอมแปลงข้อมูลหรือแก้ไขข้อความ ถือว่าผิดฐาน “ปลอมเอกสารราชการ” (โทษจำคุก 6 เดือน–5 ปี)
• มาตรา 268 → หากนำเอกสารปลอมไปใช้ เช่น ใช้เป็นหลักฐานเปิดบัญชีธนาคาร จะมีความผิด “ใช้เอกสารราชการปลอม” ด้วย
• คำพิพากษาศาลฎีกา วินิจฉัยชัดว่า การปลอมและนำไปใช้นั้นเป็นความผิดทั้ง ม.265 และ 268 ควบกัน
2. ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน
• มาตรา 172 ป.อาญา → หากพระอลงกตใช้ข้อมูลไม่ตรงความจริงต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง (กรณีใบสุทธิ/ทะเบียน) จะเข้าข่าย “แจ้งข้อความเท็จแก่เจ้าพนักงาน”
3. นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์
• พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 → กรณีบัญชีรับบริจาคออนไลน์ที่ใช้ข้อมูลปลอม ถือว่าเป็นการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จลงในระบบ ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ
4. ฉ้อโกงประชาชน
• มาตรา 343 ป.อาญา → หากมีการใช้ข้อมูลปลอมเพื่อหลอกให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิดและโอนเงินบริจาค ถือว่าฉ้อโกงประชาชน (โทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท)
• หากมีการ “แสดงตนเป็นบุคคลอื่น” เช่น ใช้ชื่อ–เลขประจำตัวผู้อื่น จะเข้าข่ายมาตรา 342(1) ซึ่งเป็นรูปแบบย่อยของการฉ้อโกงที่โทษหนักขึ้น
• คำพิพากษาศาลฎีกา เคยตัดสินว่า การแสดงตนเป็นผู้อื่นให้ผู้อื่นหลงเชื่อจนได้ทรัพย์ ถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตาม ม.342(1)
ขอบคุณ เพจ ทนายคู่ใจ