โรงเรียนบ้านหนองโก อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ส่งเสริมการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทอง ช่วยให้เด็กนักเรียนมีรายได้ระหว่างเรียน สามารถต่อยอดเป็นอาชีพได้ในอนาคต

พาไปดูกิจกรรมดี ๆ ที่น่านำไปเป็นตัวอย่างของนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองโก ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ต.หนองพันจันทร์ อ.บ้านคา จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก เปิดสอนนักเรียนระดับอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 รวมนักเรียน 46 คน ผู้ปกครองส่วนใหญ่จะทำอาชีพรับจ้างกรีดยาง ทำไร่สับปะรด  และรับจ้างทั่วไป  ค่อนข้างห่างไกลความเจริญ  ที่โรงเรียนได้มีปลูกพืชผักสวนครัว มาปรุงทำเป็นอาหารกลางวันให้แก่เด็กนักเรียนส่วนหนึ่ง และยังมีการนำหอยเชอรี่สีทองมาเลี้ยงให้กับเด็ก ๆ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 โดยมีการนำพ่อแม่พันธุ์มาปล่อยลงในบ่อซีเมนต์เลี้ยงไม่กี่วันก็จะออกไข่จำนวนมาก  จากนั้นก็แยกไปอนุบาลเลี้ยงต่อแต่ละบ่อ จะปล่อยเลี้ยง โดยให้กินอาหารจำพวกแหน และใบหม่อน ทำให้เจริญเติบโตเร็ว  เป็นอาหารที่หอยเชอรี่ชอบมาก 1 สัปดาห์จะเปลี่ยนถ่ายน้ำเพื่อดูแลความสะอาดและหมุนเวียนน้ำไม่ให้เน่าเสีย    โดยจะมีนักเรียนคอยสับเปลี่ยนกันมาคอยดูแลให้อาหาร เปลี่ยนถ่ายน้ำ แยกลูกหอยไปแต่ละบ่อ หาอาหาร  เลี้ยงประมาณ 2-3 เดือนก็สามารถขายได้แล้ว

 

ด.ช.วีรพล หนุวัน อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และ ด.ช.จักรพงษ์ น้อยศิริ อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เล่าให้ฟังว่า ได้ไปซื้อพ่อ แม่พันธุ์เอามาเลี้ยงแล้วปล่อยเอาไว้ในบ่อซีเมนต์และรอให้ผสมพันธุ์กันจนมีไข่หอยออกมาเยอะมาก หลังจากที่เลี้ยงหอยเชอรี่ได้ตัวใหญ่แล้ว ก็จะเอามาขายให้กับชาวบ้านในชุมชนกิโลกรัมละ 60 บาท 1 สัปดาห์จะจับขายได้ 1 ครั้ง เนื่องจากหอยมีประมาณยังน้อยไม่พอขาย จะทำขายทุกวันพุธ  เพราะจะมีกิจกรรมทำกันทุกวันพุธ  รายได้จากการขายก็จะนำมาแบ่งกันตามสัดส่วน สิ่งที่พวกหนูอยากได้ตอนนี้  คือบ่อซีเมนต์  ที่มีไม่เพียงพอ ต่อการเลี้ยง และไม่มีเงินทุนมากพอที่จะไปซื้อใหม่  เพื่อเอามาเลี้ยงหอยเพิ่มเติมได้อีก และยังมีพ่อ แม่พันธุ์อีกมากที่สามารถขยายได้ โดยรสชาติของหอยเชอรี่สีทอง จะมีลักษณะออกหนึบกินคล้าย ๆ ปลาหมึก ไม่มีกลิ่นคาว เพราะจะต้มใส่ตะไคร้ และใบมะกรูด  จะช่วยในการดับกลิ่นคาวได้ด้วย  จิ้มกับน้ำจิ้มอร่อยมากลูกค่าชอบ และสั่งซื้อตลอด 

นายดำรงฤทธิ์ อินปิน ครูผู้ช่วยโรงเรียนบ้านหนองโก กล่าวว่า ที่โรงเรียนจะส่งเสริมด้านอาชีพ ผนวกกับการเรียนการสอน เด็ก ๆ จะได้มีรายได้เพิ่มเติมไปด้วย ส่วนใหญ่ที่จะพยายามทำ จะเป็นช่วงการชุมนุมเป็นกลุ่มส่งเสริมอาชีพ  พัฒนาให้เด็กได้รู้ตั้งแต่การเลี้ยง การต้ม กระทั่งการจับขาย ทำกันเอง โดยวัตถุดิบพ่อแม่พันธุ์นั้นทางผู้อำนวยการโรงเรียนสนใจ และอยากสร้างอาชีพให้กับเด็กได้ จึงนำมาลงในการเรียนการสอนส่งเสริมอาชีพให้กับเด็ก ๆ ซึ่งที่นี่จะมีการส่งเสริมอาชีพหลายอย่างอยู่แล้ว เช่น การตัดผม  เพาะเลี้ยงเห็ด นอกจากนี้โรงเรียนยังมีแปลงเกษตร ปลูกพืชผักหลายชนิด ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนเรื่องอาหารกลางวันได้ โดยจะมีเวรประจำวันให้เด็ก ๆคอยดูแลแปลงผักด้วย

สำหรับที่โรงเรียนบ้านหนองโก ตั้งอยู่ในพื้นที่ค่อนข้างห่างไกลชุมชนเมือง ต้องใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตของโรงเรียนในการติดต่อสื่อสาร  ส่วนใหญ่ชาวบ้านในพื้นที่ประกอบอาชีพรับจ้าง กรีดยาง ทำไร่สับปะรด  มีสัญชาติไทย กะเหรี่ยง มอญ พม่า มีนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึง ประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 46 คน ครู 5 คน มีนางกนกพร  เอี่ยมสุวรรณ  เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน   จากการสอบถามครูที่โรงเรียนทราบว่า  ที่นี่ยังขาดอุปกรณ์การศึกษาอีกหลายอย่าง บางอย่างก็เริ่มชำรุดทรุดโทรมแล้ว  เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ยังมีไม่เพียงพอใช้การได้เพียงแค่ 6 เครื่อง  นักเรียนต้องนั่งคู่กันเพื่อเรียน 2 คน ต่อ 1 เครื่อง   อุปกรณ์กีฬา เช่น ลูกฟุตบอล และตาข่าย อุปกรณ์โต๊ะปิงปอง และอุปกรณ์กีฬาต่างๆ รวมทั้งสนามเด็กเล่น  ช่วงหน้าแล้งก็จะประสบปัญหาขาดน้ำอุปโภค บริโภค เป็นประจำทุกปี ก็จะมีหน่วยงานทหารช่าง ได้ไปดูแลให้การช่วยเหลือเรื่องน้ำตลอด  

อย่างไรก็ตาม น้อง ๆ นักเรียนจะมีขายพ่อ แม่พันธุ์หอยเชอรี่สีทองคู่ละ 50 บาท  หรือ จะอุดหนุนซื้อหอยที่ต้มสุกแล้วขายกิโลกรัมละ 60 บาท  นำไปปรุงเมนูจำพวกยำ หรือผัดเผ็ด ก็อร่อยไม่เหนียว  คล้ายกินปลาหมึกทะเล  ที่สำคัญไม่มีกลิ่นคาว  และสะอาด  เพราะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ให้กินอาหารจำพวกพืช 

สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่นายดำรงฤทธิ์ อินปิน ครูผู้ช่วยโรงเรียนบ้านหนองโก เบอร์ 063-0940954 หรือจะติดต่อขอสนับสนุนอุปกรณ์การเลี้ยงหอยเชอรี่สีทอง เพื่อให้เด็กมีทุนการศึกษาไว้เรียนในอนาคต หรือ จะสนับสนุนอุปกรณ์การศึกษาต่าง ๆ ที่ชำรุดของโรงเรียนได้ เพื่อให้เด็กได้มีอุปกรณ์การเรียนที่ทันสมัย