ตลาดหุ้นเอเชียมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นในวันนี้ (25 ส.ค.) ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นกว่า 800 จุดและปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันศุกร์ (22 ส.ค.) หลังจากเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่แจ็กสันโฮลว่า อาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนหน้า
- เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง เมื่อวันศุกร์ว่า "แม้อัตราการว่างงานของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่ "นโยบายที่ยังคงเข้มงวด, แนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวม และดุลความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไป อาจทำให้เราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนจุดยืนด้านนโยบาย" ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากกว่าครั้งก่อน ๆ ว่า พาวเวลกำลังพิจารณาการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
หลังการกล่าวสุนทรพจน์ของพาวเวล นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 90% ต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.
- นักวิเคราะห์จากบริษัทหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (Standard Chartered) คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นและสกุลเงินในเอชียจะได้ปัจจัยบวกจากการที่เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน
นักวิเคราะห์จากบริษัทเซนจิน แคปิตอล (Senjin Capital) กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะเป็นผลดีกับตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงเอเชีย อย่างน้อยก็ในระยะสั้น และโดยทั่วไปแล้ว อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะทำให้การลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีความน่าสนใจน้อยลง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศอื่นยังคงอยู่ที่ระดับเดิม
ด้านนักวิเคราะห์จากบริษัทแวนเอค แอสโซซิเอชันส์ (VanEck Associates) กล่าวว่า สุนทรพจน์ของพาวเวลส่งสัญญาณชัดเจนถึงการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นและพันธบัตรระยะสั้น
- การเยือนกรุงนิวเดลีของคณะผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ที่กำหนดไว้ระหว่างวันที่ 25-29 ส.ค. ได้ถูกยกเลิก ทำให้โอกาสในการเจรจาเพื่อลดหรือเลื่อนการจัดเก็บภาษีศุลกากรหมดไป
ภาษีดังกล่าวถูกกำหนดขึ้นเพราะอินเดียเพิ่มการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยสินค้าอินเดียจึงถูกเก็บภาษีสูงสุดถึง 50% ซึ่งนับว่าสูงที่สุดที่สหรัฐฯ เคยกำหนด โดยในขณะนี้มีการบังคับใช้แล้ว 25% และอีก 25% จะเริ่มในวันที่ 27 ส.ค.นี้
- แคนาดายกเลิกการเก็บภาษีตอบโต้ต่อสินค้าสหรัฐฯ หลายรายการเมื่อวันศุกร์ (22 ส.ค.) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
การยกเลิกนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. โดยมาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดาระบุว่า ขณะทำงานร่วมกับสหรัฐฯ อย่างเข้มข้น แคนาดาจะมุ่งเน้นไปที่ภาคส่วนยุทธศาสตร์เป็นหลัก
ก่อนหน้านี้ แคนาดาได้ประกาศเก็บภาษีตอบโต้ 25% กับสินค้าสหรัฐฯ หลายรายการในเดือนมี.ค. ตามข้อตกลงการค้าในทวีปอเมริกาเหนือ หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษี 25% กับเหล็กและอลูมิเนียม
- ตระกูลทรัมป์รุกธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซีอย่างต่อเนื่อง โดยเอริก ทรัมป์ บุตรชายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เตรียมเข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทเมตาพลาเนต (Metaplanet) ซึ่งเป็นบริษัทด้านบิตคอยน์ในญี่ปุ่นในวันที่ 1 ก.ย.นี้ โดยการประชุมครั้งนี้ ผู้ถือหุ้นจะลงมติพิจารณาวิธีการระดมทุนรูปแบบใหม่
การเยือนกรุงโตเกียวครั้งนี้มีขึ้น หลังจากเอริกจะเดินทางไปฮ่องกงเพื่อร่วมการประชุม Bitcoin Asia ระหว่างวันที่ 28–29 ส.ค.
ทั้งนี้ เอริกได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของ Metaplanet เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา โดยบริษัทดังกล่าวจดทะเบียนอยู่ในหมวด Standard ของตลาดหลักทรัพย์โตเกียว และเอริกได้เข้าร่วมในคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ชุดใหม่
ในรอบปีที่ผ่านมา ครอบครัวทรัมป์ได้ขยายธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซีอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมตั้งแต่แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัล เหรียญสเตเบิลคอยน์ การขุดบิตคอยน์ ไปจนถึงกองทุน ETF สินทรัพย์ดิจิทัล โดยหนึ่งในโครงการที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักคือการเปิดตัวมีมคอยน์ชื่อ $Trump เมื่อเดือนม.ค. ซึ่งถูกโจมตีจากสมาชิกพรรคเดโมแครตและกลุ่มตรวจสอบภาครัฐ
- ฟิทช์ (Fitch) ประเมินว่า หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะกลาง ซึ่งอาจทำให้ประเทศเผชิญความเปราะบางต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจในอนาคต แม้ในปีนี้คาดว่าการขาดดุลงบประมาณทั่วไปจะลดลงจาก 7.7% ของจีดีพีในปี 2567 เหลือ 6.9% ในปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นที่ฟื้นตัว และรายได้จากภาษีศุลกากรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 2.5 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ จาก 7.7 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ฟิทช์ประเมินว่าในระยะยาว การขาดดุลจะกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ส่งผลให้สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีมีโอกาสแตะระดับ 127% ภายในปี 2570 จาก 114.5% ณ สิ้นปีที่แล้ว โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญยังคงเป็นค่าใช้จ่ายด้านสวัสดิการที่เพิ่มสูงขึ้นจากโครงสร้างประชากรสูงวัย
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า รัฐบาลของเขาจะดำเนินการสอบสวนด้านภาษีศุลกากรครั้งใหญ่กับเฟอร์นิเจอร์ที่นำเข้ามาในสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นก้าวแรกสู่การกำหนดอัตราภาษีสูงขึ้น โดยปธน.ทรัมป์ระบุผ่านโพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social เมื่อวันศุกร์ (22 ส.ค.) ว่า เฟอร์นิเจอร์จากต่างประเทศที่จะเข้ามาในสหรัฐฯ จะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่ยังไม่ได้กำหนด
ข้อมูลจากนิตยสารอุตสาหกรรม Furniture Today ระบุว่า ในปี 2567 สหรัฐฯ นำเข้าเฟอร์นิเจอร์มูลค่าประมาณ 2.55 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2566 โดยประมาณ 60% ของการนำเข้ามาจากเวียดนามและจีน
สถิติของรัฐบาลเผยว่า อุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์และผลิตภัณฑ์ไม้ ซึ่งเคยจ้างงาน 1.2 ล้านคนในปี 2522 ลดลงเหลือ 681,000 คนในปี 2543 และเหลือเพียง 340,000 คนในปัจจุบัน