วันนี้ (24 ส.ค. 68) เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์การเฝ้าระวังพายุโซนร้อนกำลังแรง “คาจิกิ” ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ช่วงวันที่ 24 - 27 สิงหาคม 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ ซึ่งกรมป้องกันและประชาสาธารณภัยได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast เพื่อทำการแจ้งเตือนประชาชนอย่างรวดเร็ว โดยมีนายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ปภ. เข้าร่วมประชุม และประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า วันนี้ (24 ส.ค. 68) ในช่วงเวลา 07.00 น. ปภ. ได้ติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาซึ่งได้มีการรายงานสถานการณ์พายุโซนร้อนกำลังแรง “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น และกำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย คาดว่าขอบด้านหน้าของพายุจะทำให้มีเมฆฝนเพิ่มขึ้นปกคลุมตามแนวชายฝั่งเวียดนาม สปป.ลาว และด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่กับมีลมแรงบริเวณภาคอีสานตอนบน ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในช่วงวันที่ 24 - 27 สิงหาคม 2568 ซึ่งนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความห่วงใยต่อผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น จึงได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพื้นที่เสี่ยง ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และกรุงเทพมหานคร จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและเตรียมการช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง 

"ปภ. ได้ทำการแจ้งให้ประชาชนให้ทราบและเตรียมพร้อมรับมือกับพายุคาจิกิ และได้เตรียมพร้อมระบบ Cell Broadcast เพื่อแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเพื่อให้รับทราบสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที และจะได้สามารถอพยพกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้ทันท่วงที รวมทั้งได้กำชับให้พื้นที่การป้องเตรียมการป้องกันพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ อาทิ โรงพยาบาล พื้นที่ชุมชน พื้นที่สำคัญทางเศษฐกิจฯ เพื่อลดความสูญเสียให้มีน้อยที่สุด พร้อมประสานการปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงายในจังหวัดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้ความช่วยเหลือประชาชนให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว" นายสหรัฐ รองอธิบดี ปภ. กล่าว

ด้านนายชัยรัตน์ แก้งเพียงเพ็ญ รองอธิบดี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปภ. ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตทุกแห่งประเมินพื้นที่เสี่ยงของจังหวัดและทำแผนเตรียมความพร้อมในการจัดส่งเครื่องจักรกลสาธารณภัยตามลำดับความเสี่ยงของพื้นที่  ซึ่งขณะนี้แต่ละศูนย์ ปภ. เขต ได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยลงพื้นที่แล้ว โดย ปภ. สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ ในเขตภาคเหนือ ได้สั่งการให้ศูนย์ ปภ. เขต 9 พิษณุโลก เป็นศูนย์รวมทรัพยากรที่ระดมทรัพยากรจาก ศูนย์ ปภ. เขต 2 สุพรรณบุรี และ เขต 16 ชัยนาท โดยเริ่มเคลื่อนกำลังในบ่ายของวันที่ 24 สิงหาคม นี้ 

"หากพื้นที่ใดมีสถานการณ์เกิดขึ้นให้ศูนย์ ปภ. เขต ที่รับผิดชอบพื้นที่สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติเข้าช่วยเเหลือทันที ส่วนศูนย์ ปภ. เขต อื่นที่ยังไม่มีสถานการณ์ให้เตรียมพร้อมเพื่อเข้าสนับสนุนหากได้รับการร้องขอเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็ว“ นายชัยรัตน์ รองอธิบดี ปภ. กล่าว 

ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ ข้อมูลข่าวสาร และการแจ้งเตือนภัยจากทางราชการอย่างใกล้ชิด หากมีประกาศหรือคำเตือนขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากพบเห็นหรือได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทาง Line Official Account “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป